บริหารจัดการอาคาร: สาเหตุของแอร์ไม่เย็นเมื่อแอร์ไม่เย็น สิ่งแรกที่เรารู้สึกคือ "ร้อน" และหงุดหงิดครับ! ปัญหาแอร์ไม่เย็นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ ที่เราตรวจสอบเองได้ ไปจนถึงปัญหาซับซ้อนที่ต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ สาเหตุหลักๆ มีดังนี้ครับ
1. แอร์สกปรก ไม่ได้ล้างแอร์เป็นเวลานาน
นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดและเป็นพื้นฐานที่สุดของปัญหาแอร์ไม่เย็นครับ
แผ่นกรองอากาศอุดตัน: ฝุ่นและสิ่งสกปรกจะสะสมบนแผ่นกรองอากาศของคอยล์เย็น (คอยล์ที่อยู่ในห้อง) ทำให้ลมไม่สามารถผ่านได้สะดวก ลมเย็นจะออกมาน้อยลงหรือไม่มีเลย
คอยล์เย็นสกปรก: หากไม่ได้ล้างแอร์นานๆ จะมีฝุ่น คราบเมือก หรือเชื้อราเกาะสะสมที่แผงคอยล์เย็นโดยตรง ทำให้การแลกเปลี่ยนความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ แม้ลมจะออกมาแต่ก็ไม่เย็นฉ่ำ และอาจมีกลิ่นอับ
คอยล์ร้อนสกปรก: ชุดคอยล์ร้อน (คอมเพรสเซอร์) ที่อยู่นอกบ้าน หากมีฝุ่น ใบไม้ หรือสิ่งสกปรกไปเกาะอุดตัน จะทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดี คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น แอร์จึงไม่เย็นเท่าที่ควร
2. น้ำยาแอร์น้อย หรือรั่วซึม
น้ำยาแอร์คือหัวใจสำคัญในการทำความเย็น หากน้ำยาแอร์มีปริมาณไม่เพียงพอ แอร์ก็ไม่สามารถสร้างความเย็นได้เต็มที่
น้ำยาแอร์ขาด/หมด: อาจเกิดจากการติดตั้งที่ไม่ดี มีรอยรั่วเล็กๆ ตามจุดเชื่อมต่อ หรือเกิดการผุกร่อนของท่อและแผงคอยล์ ทำให้ปริมาณน้ำยาแอร์ลดลงเรื่อยๆ
อาการของน้ำยาแอร์รั่ว:
แอร์ทำงานปกติแต่ลมที่เป่าออกมาไม่เย็น หรือเย็นน้อยลงมาก
คอมเพรสเซอร์อาจทำงานตลอดเวลา ไม่ตัดการทำงาน (เพราะทำความเย็นไม่ถึงค่าที่ตั้งไว้) ทำให้เปลืองไฟ
บางครั้งอาจมีน้ำแข็งเกาะที่คอยล์เย็น (แผงในบ้าน) หรือที่ท่อแอร์ (ท่อทองแดงด้านนอก)
มีน้ำหยดจากตัวเครื่องในจุดที่ไม่ควรหยด
3. คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน
คอมเพรสเซอร์คือส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่อัดน้ำยาแอร์ให้ไหลเวียนในระบบเพื่อสร้างความเย็น หากคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน หรือทำงานผิดปกติ แอร์ก็จะไม่เย็นเลย มีแต่ลมออกมา
สาเหตุที่คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน:
คาปาซิเตอร์ (Capacitor) เสีย: คาปาซิเตอร์เป็นอุปกรณ์ช่วยสตาร์ทคอมเพรสเซอร์และมอเตอร์พัดลม หากเสียจะทำให้คอมเพรสเซอร์หรือพัดลมไม่หมุน หรือหมุนช้า
มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ไหม้/เสีย: เป็นปัญหาร้ายแรงที่ต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์
แผงวงจรควบคุมเสีย: แผงวงจรอาจไม่ส่งสัญญาณให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน
เบรกเกอร์ตัด/ไฟไม่เข้า: อาจเกิดจากไฟเกิน หรือเบรกเกอร์ ELCB/RCBO ทำงานเพื่อป้องกันไฟดูด
คอมเพรสเซอร์ร้อนเกิน (Overload): เกิดจากแอร์ทำงานหนัก หรือคอยล์ร้อนสกปรก ทำให้ระบายความร้อนไม่ได้ คอมเพรสเซอร์จึงตัดการทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย
4. พัดลมไม่หมุน หรือหมุนช้า
ทั้งพัดลมที่คอยล์เย็น (ในห้อง) และพัดลมที่คอยล์ร้อน (นอกบ้าน) ล้วนมีความสำคัญ
พัดลมคอยล์เย็นไม่หมุน/หมุนช้า: ลมเย็นที่สร้างขึ้นมาจะถูกเป่าออกมาในห้องได้น้อย หรือไม่มีเลย ทำให้ห้องไม่เย็น
พัดลมคอยล์ร้อนไม่หมุน/หมุนช้า: คอยล์ร้อนจะไม่สามารถระบายความร้อนออกจากระบบได้ ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก ร้อนจัด และตัดการทำงาน ส่งผลให้แอร์ไม่เย็น
5. ขนาด BTU ของแอร์ไม่เหมาะสมกับขนาดห้อง
BTU ต่ำไป: หากติดตั้งแอร์ที่มีขนาด BTU น้อยกว่าขนาดห้องที่ใช้งาน แอร์จะทำงานหนักตลอดเวลา ไม่สามารถทำความเย็นให้ทั่วถึงห้องได้ ทำให้รู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น และเปลืองไฟ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ BTU ที่เหมาะสม: ขนาดห้อง ความสูงเพดาน จำนวนคน สิ่งของในห้อง ทิศทางห้องโดนแดดหรือไม่ จำนวนหน้าต่างและประตู
6. การตั้งค่ารีโมทผิดพลาด
บางครั้งปัญหาก็ง่ายกว่าที่คิด!
โหมดพัดลม (Fan Mode): หากเผลอไปตั้งรีโมทเป็นโหมดพัดลม (สัญลักษณ์รูปพัดลม) แอร์จะเป่าแต่ลมออกมาโดยไม่มีการทำความเย็น
โหมดลดความชื้น (Dry Mode): โหมดนี้จะเน้นการลดความชื้นมากกว่าการทำความเย็น ทำให้รู้สึกว่าลมออกมาไม่เย็นฉ่ำ
ตั้งอุณหภูมิสูงเกินไป: ลองตรวจสอบว่าตั้งอุณหภูมิไว้สูงเกินไปหรือไม่ เช่น 28-30 องศาเซลเซียส
7. ห้องเก็บความเย็นไม่อยู่
ประตู หน้าต่าง เปิดทิ้งไว้ หรือปิดไม่สนิท: ทำให้ลมเย็นรั่วไหลออกไปภายนอก อากาศร้อนจากภายนอกเข้ามาแทนที่ ทำให้แอร์ทำงานหนักและไม่เย็น
ฉนวนกันความร้อนไม่ดี: ผนังหรือเพดานไม่ได้ติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่ดีพอ ทำให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามาในห้องได้ง่าย
สิ่งที่ควรทำเบื้องต้นเมื่อแอร์ไม่เย็น
ตรวจสอบรีโมท: ตรวจสอบโหมดการทำงานและอุณหภูมิที่ตั้งไว้
ล้างแผ่นกรองอากาศ: ถอดแผ่นกรองอากาศที่คอยล์เย็นออกมาล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง
ตรวจสอบการทำงานของคอยล์ร้อน: ลองไปฟังเสียงและดูว่าพัดลมคอยล์ร้อนหมุนหรือไม่ คอมเพรสเซอร์ทำงานไหม (อาจมีเสียงครืนๆ)
ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท: ตรวจสอบว่าไม่มีช่องว่างให้ลมรั่วไหล
หากลองแก้ไขเบื้องต้นแล้วยังไม่หาย หรือมีอาการที่ซับซ้อน เช่น มีน้ำแข็งเกาะ มีกลิ่นไหม้ หรือคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน ควรรีบเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบและแก้ไข เพื่อความปลอดภัยและเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายครับ