แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 28 29 [30] 31 32 33
436
ฮวงจุ้ยแปลนบ้าน ต้อนรับสิ่งดี ๆ ก่อนเข้าอยู่ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นไร้เรื่องราวกวนใจ

การจัดแปลนบ้านคือการวางแผนและจัดตำแหน่งที่อยู่อาศัยให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้อยู่ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าแปลนบ้านนั้นดีพอสำหรับการรองรับพลังงานดี ๆ ที่จะเข้ามาหรือไม่ เพราะแต่ละส่วนของบ้านต่างก็มีพลังงานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นเราจึงมาเผยเคล็ดการจัดแปลนบ้านตามหลักฮวงจุ้ยที่ถูกต้องว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เพื่อให้คนที่กำลังวางแผนสร้างบ้านได้นำเอาใช้กันค่ะ

1. ประตูทางเข้าบ้าน ด่านแรกในการต้อนรับพลังงานที่ดี

ประตูทางเข้าบ้านถือว่าเป็นด่านแรกต้อนรับพลังงานที่ดีให้เข้ามาในบ้าน ฉะนั้นการตั้งทิศทางของประตูทางเข้าบ้านจะต้องไม่ตรงกับหน้าต่างบานใหญ่และประตูบานอื่น ๆ ในบ้าน เช่น ประตูตู้เสื้อผ้า ประตูห้องน้ำ และบันได ลักษณะของประตูจะต้องเปิดเข้ามาข้างในบ้านไม่ใช่เปิดบานประตูออกนอกบ้าน เพราะจะเป็นการผลักพลังงานดี ๆ ออกจากบ้าน อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อฮวงจุ้ยที่ประตูทางเข้านั่นก็คือ สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบประตูทางเข้าบ้าน ควรจะจัดระเบียบทางเข้าให้ดูผ่อนคลายไม่วางของเกะกะดูรกหูรกตา

2. จัดวางประตูและหน้าต่างให้สมดุล เพื่อให้พลังงานไหลเวียนได้ดี

ทว่าลมสามารถเข้า-ออกบ้านได้ทางประตูและหน้าต่าง พลังงานที่ดีก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นเราควรจัดสมดุลของการติดตั้งประตูและหน้าต่างให้ดี โดยประตูแต่ละห้องไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป ส่วนหน้าต่างก็ควรให้อยู่ในระดับกึ่งกลางของผนังบ้านไม่สูงและไม่ต่ำจนเกือบชิดพื้น เพื่อรักษาพลังชี่ (Chi) เอาไว้ ส่วนหลังบ้านจะต้องไม่มีประตูและหน้าต่างเยอะเกินความจำเป็นเพราะจะทำให้พลังงานชี่อ่อนตัวลง


3. ห้องนอน พื้นที่ส่วนตัวที่ต้องความสงบ

ห้องนอนเปรียบเสมือนหัวใจหลักของบ้าน ดังนั้นมันควรจะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สงบปลอดภัยไร้สิ่งรบกวนและมีพลังงานที่ดีไหลเวียนตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ควรตั้งอยู่เหนือโรงรถ ห้องครัว และห้องน้ำหลัก แต่ควรจะตั้งอยู่เหนือห้องกินข้าวหรือห้องนั่งเล่นแทน ส่วนชั้นบนเหนือห้องนอนก็ไม่ควรเป็นห้องน้ำเด็ดขาด

ที่สำคัญห้องนอนต้องไม่ขวางทางเคลื่อนไหวของพลังงานหลัก โดยดูจากหลักการวางผังของยันต์แปดเหลี่ยม (Bagua) เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนอนจะต้องไม่ตรงกับหน้าต่าง นอกจากนี้ห้ามตั้งเตียงใกล้หน้าต่างจนเกินไป หากมีห้องน้ำภายในก็ควรจัดให้อยู่เยื้องกับเตียงนอนสักหน่อย ถ้าไม่สามารถย้ายหัวเตียงออกจากผนังห้องน้ำได้ก็ให้หาหัวเตียงมากั้นไว้แทน


4. ห้องครัว จัดเตรียมอาหารให้ถูกทิศเพื่อสุขภาพที่ดี

พลังงานที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพและร่างกายมักจะไหลวนเวียนอยู่ในห้องครัวเป็นหลัก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการวางผังห้องครัวให้เผชิญหน้ากับประตูทางเข้าบ้าน แต่ถ้าไม่สามารถปรับเปลี่ยนผังได้ ก็ต้องแก้ด้วยการประดับดอกไม้ในห้องครัวหรือกระถางสมุนไพรเล็ก ๆ ให้ดูมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ไม่ควรสร้างห้องครัวกับห้องน้ำหรือบันได ส่วนการตกแต่งห้องครัวก็ควรจัดตำแหน่งตู้เย็น อ่างล้างจาน และตู้อบให้เยื้องกันแบบมุมสามเหลี่ยม ที่สำคัญตู้อบไม่ควรตั้งอยู่ในบริเวณทำอาหารและหลังประตูด้วย


5. บันได มุมพลังงานเคลื่อนไหวที่ต้องระวัง

ตำแหน่งในบ้านที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาอย่างบันไดนั้น กลับเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักสำหรับการจัดแปลนบ้าน ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการวางบันไดไว้กลางบ้านหรือตรงกับประตู ไม่อย่างนั้นจะทำให้พลังงานดี ๆ อ่อนแรงลง ซึ่งส่งผลให้ความเป็นอยู่ไม่ราบรื่น แต่ควรจะวางให้อยู่ในทิศสุขภาพ (ทิศตะวันออก) ทิศแห่งความรัก (ตะวันตกเฉียงใต้) และทิศการเงิน (ตะวันออกเฉียงใต้) ตามหลักยันต์แปดทิศ (Bagua) เพราะมันจะไปกดทับโชคลาภของแต่ละทิศเอาไว้ แต่ถ้าบ้านใครวางผิดตำแหน่งไปแล้วขอแนะนำให้เลือกวัสดุบันไดเป็นไม้แก้ไขแทน และเสริมด้วยการติดตั้งภาพวาดหรือโปสเตอร์ศิลปะ รวมทั้งการเพิ่มสีสันตรงผนังบริเวณบันไดก็จะช่วยให้ดีขึ้นได้


6. ห้องน้ำ ห้องซักผ้า และห้องเก็บของต้องไม่เปิดเผย

          - เริ่มจากห้องน้ำกันก่อนเลย ไม่ควรจะตั้งตรงข้ามกับประตูทางเข้า กลางบ้าน ใกล้ห้องครัว ตั้งในทิศการเงิน (ตะวันออกเฉียงใต้) และทิศที่เกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ (ตะวันตกเฉียงใต้)

          - ห้องซักผ้าและห้องเก็บของ ทั้ง 2 ห้องนี้มีความคล้ายคลึงกันมีข้าวของให้ต้องจัดการอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงไม่ควรตั้งให้อยู่ติดกับห้องนอนและตรงข้ามกับประตูทางเข้าบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ตู้เก็บของที่ห้ามหันหน้าเข้าประตูทางเข้าบ้าน


7. ห้องนั่งเล่น สร้างรากฐานที่มั่นคงให้ทุกคนในบ้าน

ห้องสำคัญที่ควรจัดแปลนตามหลักฮวงจุ้ยนั้นก็คือ ห้องนั่งเล่น ศูนย์รวมของคนในบ้านทุกคนต้องมาพบปะพูดคุยและเพิ่มเติมความอบอุ่นให้แก่กัน บ้านไหนที่ไม่มีห้องนั่งเล่นหรือห้องนั่งเล่นเล็กเกินไปแสดงว่าบ้านหลังนั้นไม่มีฮวงจุ้ยที่ดี ซึ่งห้องนั่งเล่นจะต้องไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมที่ทำให้ทุกคนในบ้านรู้สึกอึกอัดเมื่อเจอหน้ากัน จัดแสงในห้องให้สมดุลโดยการใช้แสงธรรมชาติรวมด้วยก็จะดี เพื่อให้พลังงานที่ดีเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ

 

แบบบ้านขายดี: หลักฮวงจุ้ยแปลนบ้าน เปิดรับสิ่งดี ๆ ตั้งแต่เริ่มสร้าง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://realestatebb.com/

437
ทำไมวันทำงานเราต้องแต่งตัวให้ยาก ทำไมวันทำงานเราต้องเซ็ตเสื้อผ้าเยอะ ๆ ในเมื่อความเรียบง่ายนั้นทำให้ดูดีแบบสมาร์ทแคชชวลดีออก แล้วถ้ายิ่งมาเจอกับ แฟชั่นลุคทำงานชิลๆ เราหยิบมาฝากเป็นไอเดียให้สาว ๆ ในวันนี้ บอกเลยว่าการแต่งตัวสำหรับวันทำงานของสาว ๆ ก็จะยิ่งส่งให้ลุคคุณดูเท่ คูล อินไม่ยาก แถมไม่ซ้ำใครอีกด้วยนะ

แฟชั่นลุคทำงานชิลๆ

เพราะบอกตามตรงเลยว่า ซิสเป็นสาวอฟฟิศคนนึง ที่ไม่ได้ใส่สูทมาหลายปีแล้ววว และเชื่อว่าอีกหลายคนก็น่าจะเป็นเช่นกัน เพราะยุคสมัยในเวลานี้ การออกไปทำงานของสาว ๆ เน้นการแมทช์เสื้อผ้าที่ลำลองมากขึ้น ไม่ใช่แค่พวกเราเหล่าประชากรออฟฟิศนะ แม้แต่ผู้บริหารระดับสูง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งตัวเคร่งขรึม แนวทางการอีกต่อไป

เอาเป็นว่าการต้องสวมสูททุกวัน จัดเป็นเรื่องเอ้าท์ไปแล้ว (ถ้าไม่ใช่เบลเซอร์อะนะ!) แถมในตู้เสื้อผ้าตอนนี้ ออกจะเต็มไปด้วยไอเทมสไตล์แคชชวล โดยเฉพาะไอเทม “ยีนส์” บอกเลยว่ามีเต็มตู้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาหาอินสไปร์ ที่แมทช์แล้วรู้สึกสบาย ๆ กับชุดทำงานกันดีกว่า รับรองว่าฟิน~

 
เสื้อยืด

เชื่อไหมว่าเราสวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เสื้อยืดทีเชิ้ต ไปทำงานได้นะ!  เพราะอันที่จริงแล้วเสื้อยืดนั้น สามารถหยิบมาใส่ได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการรู้จักมิกซ์แอนด์แมทช์ ของคุณเท่านั้นเอง ไม่ง่าจะสวมเบลเซอร์ทับ แมทช์กับกางเกงสแล็ค หรือจะแมทช์กับกระโปรงดินสอ ส่วนใหญ่ก็บอกเลยว่าผ่าน ไปทำงานรอดและสวยสบาย ๆ ได้ทุกวัน เป็นสไตล์ชุดทำงานที่หลานคนต้องการมัน


กางเกงยีนส์

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ซิสว่าสาว ๆ ชอบหยิบจากตู้เสื้อผ้ามาแมทช์เป็นชุดทำงานแบบสบาย ๆ ก็คือ กางเกงยีนส์! และต้องยอมใจเลยว่าถึงแม้จะเป็นยีนส์ ก็มักจะมี ณ จุดหนึ่งที่สามารถแมทช์ให้เป็น ลุคกึ่งทางการจนสามารถ แต่งเป็นลุคทำงานชิล ๆ ได้เสมอ จนพูดได้เต็มปากเลยว่า กางเกงยีนส์เหล่านี้น่าจะเป็น กางเกงที่ดีที่สุด สำหรับสาวออฟฟิศในยุคนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นยีนส์ทรงเอวสูง หรือเอวกำลังพอดี ไม่สูงเกินไปไม่ต่ำเกินไป ที่ทำงานไม่เคร่งเรื่องแต่งตัวมาก ไอเดียนี้เหมาะเลยค่ะ

 
เสื้อเชิ้ต

เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเอาอยู่ อยากเซ็ตเสื้อผ้าในวันทำงานแบบชิล ๆ บอกเลยว่าเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเอาอยู่มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตสีพื้น เสื้อเชิ้ตลายทาง ล้วนแล้วแต่เป็นไอเทม Must have ที่สามารถหยิบมามิกซ์แอนด์แมทช์ กับท่อนล่างได้หลากหลายแบบมาก ผลลัพธ์ก็ดูดีหลายคาแรคเตอร์ แบบสาว Smart Casual ด้วย เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ใสได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น นี่คือหนึ่งในลุคการแต่งตัว ที่ดูดีและแต่งง่ายพอ ๆ กับลุคอื่นเลย

 

กระโปรง Midi – Maxi

Skip the Jeans and Go For A Skirt! กันค่ะซิส ในจุดนี้เราขอเสนอ Midi Skirt ที่ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ใส่แล้วกำลังพอดี หรือจะเป็น Maxi Skirt ที่ยาวแต่ดูลุคสบายได้ใจ สาว ๆ น้องซิสวัยทำงานคนไหน ที่อยากแต่งตัวสวย ๆ ไปทำงานแบบสบาย ๆ แต่ก็ไม่ได้อยากสบายจนดูแมนเกินไป เราบอกเลยว่า ลุคสาวออฟฟิศที่มิกซ์แอนด์แมทช์ ด้วยกระโปรงทรงนี้ ทำให้สไตล์คุณดูออนนี่มาก ๆ



กางเกงผ้า

สาว ๆ ที่ชอบความ Classy นิด ๆ Modern หน่อย ๆ ซิสบอกเลยว่ากางเกงผ้า คือไอเทมที่ตอบโจทย์ความต้องการนั้น ได้ดีทีเดียวค่ะ สาวออฟฟิศคนไหนชอบสไตล์คลาสสิก สามารถหยิบเสื้อผ้าชิ้นอื่น ๆ อย่างเสื้อเชิ้ตหรือเบลเซอร์ มามิกซ์แอนด์แมทช์กันได้ โดยที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความ Smart Casual ไว้ได้ดี อาจจะเลือกแมทช์โทนสีที่มีความซอฟต์ ๆ อย่างเช่น สีเบจ สีครีม สีวนิลา สีเทา แล้วคอมพลีทลุคเข้าด้วยการจับคู่สีเข้าด้วยกัน ยิ่งสาวคนไหน ต้องการความคล่องตัว ในการออกไปทำงานข้างนอก ลุคนี้ก็แต่งไปได้แบบสวย ๆ ไม่ต้องกลัวเยอะกลัวเขินเลย

 
เดรส กับ เบลเซอร์

เป็นอีกหนึ่งไอเดียการแมทช์ แฟชั่นลุคทำงานชิลๆ ที่แทบไม่ต้องทำอะไรมาก แค่สวมเดรสพอดี ๆ ตัว หรือจะสวมหลวม ๆ ก็ได้ แล้วเลือกหยิบเอาเบลเซอร์มาสวมทับ ยิ่งแมทช์ยิ่งดูชิล ๆ แถมสุภาพแบบน่ารัก ๆ ไปอีกด้วย เป็นลุคง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ยังคงความชิค แบบสาวสมัยนี้ที่นิยมแต่งสไตล์ Mini Casual อยู่แล้ว สาวคนไหนที่เน้นความหยิบง่าย ใส่สบาย เสื้อผ้าไม่ต้องเยอะชิ้น ลุคนี้คือ

แฟชั่นลุคทำงานชิลๆ ในวันที่ต้องไปทำงาน ทำไมต้องแต่งให้ยากหล่ะ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://uniformdeluxe.com/

438
การออกแบบรูปร่างฟันในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่าง ทันตแพทย์และคนไข้ ในการทำวีเนียร์ หรือ บูรณะฟันทั้งปาก ให้คนไข้เห็นฟันใหม่พร้อมรูปใบหน้าตัวเอง เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนเริ่มการรักษา ก่อนที่จะมีเทคโนโลยีนี้ คนไข้ไม่สามารถเห็นฟันใหม่ของตนเองได้เลย จนกว่าจะเริ่มการรักษา หรือ เห็นแค่ในแบบจำลองฟัน ซึ่งไม่สามารถนำมารวมให้เห็นพร้อมกับรูปใบหน้าคนไข้ได้ ทำให้ไม่สามารถรู้ก่อนได้เลยว่าจะชอบหรือไม่ชอบฟันใหม่ที่ถูกออกแบบมา ดังนั้นด้วยเทคโนโลยีนี้ ทันตแพทย์สามารถประเมินความคาดหวัง และออกแบบฟันใหม่กับคนไข้ ไปด้วยกัน เพราะคนไข้สามารถเห็นฟันใหม่ที่ออกแบบมาพร้อมกับรูปใบหน้าของคนไข้เอง ทำให้คนไข้มั่นใจได้ว่ารอยยิ้มใหม่ที่จะได้รับ จะมีความสวยงามตามแบบที่ได้มีการวางแผนไว้

ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความสวยงามจะทำการถามประเมินความคาดหวังของคนไข้ โดยเน้นที่ความต้องการของคนไข้เป็นหลักว่าต้องการจะให้รอยยิ้มเป็นแบบใด ในขั้นตอนนี้ คนไข้อาจจะนำภาพของดารา เน็ตไอดอลที่ชอบ หรือรอยยิ้มที่คนไข้คิดว่าน่าจะเหมาะกับตัวคุณ มาคุยร่วมกันกับทันตแพทย์ได้

ทันตแพทย์ จะทำการ ถ่ายรูปใบหน้า และสแกนฟันในช่องปากของคนไข้ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำไปใช้ในการออกแบบรอยยิ้มด้วยคอมพิวเตอร์

หากคนไข้พึงพอใจกับแผนการรักษาและผลลัพธ์ดังกล่าว ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์แบบฟัน 3 มิติ เพื่อมาลองแบบฟันใหม่ในปากคนไข้ ทำให้คนไข้ได้ประสบการณ์จริงก่อนเริ่มการรักษา

จากนั้น ทันตแพทย์ก็จึงค่อยเริ่มขั้นตอนในการทำวีเนียร์, ครอบฟัน, บูรณะฟันทั้งปาก หรือ ผ่าตัดแต่งเหงือกเพื่อความสวยงาม

Digital Smile Design (DSD) เป็นแนวคิดและเทคโนโลยีที่ใช้ในทันตกรรมเพื่อความงามเพื่อวางแผนและออกแบบรอยยิ้มของผู้ป่วยแบบดิจิทัลก่อนที่จะทำการรักษาจริง เครื่องมือซอฟต์แวร์ และเทคนิคทางทันตกรรมขั้นสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำและความสามารถในการคาดการณ์ของการรักษาทางทันตกรรม

โดยทั่วไป กระบวนการ DSD จะเกี่ยวข้องกับขั้นตอนต่อไปนี้:

การถ่ายภาพดิจิตอล: ภาพถ่ายและวิดีโอความละเอียดสูงของใบหน้า ฟัน และรอยยิ้มของผู้ป่วยนั้นถ่ายโดยใช้กล้องหรือเครื่องสแกนเฉพาะทาง ภาพเหล่านี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างฟันและลักษณะใบหน้าของผู้ป่วย

การวิเคราะห์รอยยิ้ม: ภาพดิจิทัลได้รับการวิเคราะห์โดยใช้ซอฟต์แวร์พิเศษที่ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถประเมินรอยยิ้มและสัดส่วนใบหน้าของผู้ป่วยได้ ซอฟต์แวร์ยังสามารถจำลองผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของทางเลือกการรักษาต่างๆ ทำให้ผู้ป่วยเห็นภาพผลลัพธ์สุดท้ายก่อนที่จะดำเนินการใดๆ

การออกแบบและการวางแผน: จากการวิเคราะห์ ทันตแพทย์จะร่วมมือกับผู้ป่วยเพื่อพัฒนาแผนการรักษาเฉพาะบุคคล แผนนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด สี และการเรียงตัวของฟันที่ต้องการเพื่อให้ได้รอยยิ้มที่ดีขึ้น

Mock-Up: มีการสร้างแบบจำลองทางกายภาพหรือดิจิทัลของการเปลี่ยนแปลงที่เสนอ ซึ่งสามารถนำไปใช้โดยตรงกับฟันของผู้ป่วยหรือแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สิ่งนี้ทำให้ผู้ป่วยสามารถเห็นและสัมผัสได้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไรและทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นก่อนเริ่มการรักษา

การรักษา: เมื่อผู้ป่วยอนุมัติการออกแบบที่เสนอ ทันตแพทย์จะปฏิบัติตามแผนการรักษาโดยใช้เทคนิคทางทันตกรรมเพื่อความงามต่างๆ เช่น การฟอกสีฟัน การทำวีเนียร์ การจัดฟัน หรือรากฟันเทียม วิธีการ DSD ให้พิมพ์เขียวโดยละเอียดสำหรับทีมทันตกรรมเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามแผนมีความแม่นยำ

ประโยชน์ของ Digital Smile Design รวมถึง:

การสื่อสารที่ดีขึ้น: DSD ช่วยให้สามารถสื่อสารระหว่างทันตแพทย์และผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้พวกเขาสามารถพูดคุยและเห็นภาพตัวเลือกการรักษาและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้

ความสามารถในการคาดการณ์: ด้วยการวางแผนการรักษาแบบดิจิทัลและแสดงภาพผลลัพธ์สุดท้ายล่วงหน้า ทั้งทันตแพทย์และผู้ป่วยสามารถมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่คาดหวัง ซึ่งเพิ่มความสามารถในการคาดการณ์การรักษา

ความพึงพอใจของผู้ป่วย: DSD เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยในกระบวนการตัดสินใจ ทำให้พวกเขามีความรู้สึกควบคุมและมั่นใจในการรักษาที่นำเสนอ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความพึงพอใจของผู้ป่วยที่สูงขึ้นกับผลลัพธ์สุดท้าย

ความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น: การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการออกแบบและดำเนินแผนการรักษาช่วยเพิ่มความแม่นยำและความแม่นยำ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้และสวยงามยิ่งขึ้น

โปรดทราบว่าแม้ว่า Digital Smile Design จะเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในด้านทันตกรรมเพื่อความงาม แต่ท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของการรักษาจะขึ้นอยู่กับทักษะ ความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจของทันตแพทย์ในความต้องการและความปรารถนาเฉพาะของผู้ป่วย


การ ออกแบบรอยยิ้ม ด้วยคอมพิวเตอร์ (Digital Smile Design) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://bit.ly/44ftcbd

439
ค่าไฟแพงคงเป็นปัญหาที่หลายบ้านน่าจะกลุ้มใจกันพอสมควรเลย แล้วอากาศประเทศไทยก็ร้อนเสียเหลือเกิน ยิ่งกกพ. แจ้งว่าจะขึ้นค่าไฟอีก เครียดไม่ไหวแล้ว จึงได้รวบรวม 6 วิธีประหยัดไฟ ทำได้ง่าย ๆ ช่วยลดค่าไฟไปสักนิด ให้ทุกคนคลายกังวล ตามไปดูกันเลยค่ะ


ปิด-ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน
     
การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้วถือเป็นวิธีประหยัดไฟฟ้าเบื้องต้น แถมทำได้ง่ายมาก ๆ การที่คุณปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วแต่ไม่ถอดปลั๊กไฟออก เท่ากับว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องนั้นก็ยังคงมีกระแสไฟวิ่งอยู่ตลอด ฉะนั้น หลังจากที่ไม่ใช้งานแล้วให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า และถอดปลั๊กทุกครั้ง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าไฟฟ้า และยังช่วยป้องอันตรายจากการเกิดอัคคีภัยด้วยค่ะ


ตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ
   
การตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศถือเป็นวิธีประหยัดไฟฟ้าที่ดีและง่ายเหมือนกันค่ะ ยิ่งช่วงนี้มีฝนตก อากาศภายนอกเย็นสบาย คุณอาจตั้งเวลาเปิดเครื่องปรับอากาศให้ทำงานอัตโนมัติในช่วงเวลาที่คุณนอนหลับตอนกลางคืน และตั้งเวลาปิดในช่วงเช้าที่คุณกำลังจะตื่น หรือช่วงเช้ามืดที่อากาศกำลังเย็นสบาย ซึ่งวิธีนี้ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงต่อวันเลยนะ


หมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

     เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องปรับอากาศ พัดลม หรือเครื่องดูดฝุ่น เมื่อใช้งานไปนาน ๆ แล้วไม่ได้มีการทำความสะอาด นอกจากจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้ทำงานหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น และส่งผลให้ต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นนั่นเอง


ตั้งตำแหน่งตู้เย็นให้เหมาะสม
     
       ตู้เย็นเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างกินไฟ เพราะต้องเสียบปลั๊กเอาไว้ตลอดเวลา การตั้งตู้เย็นให้ถูกตำแหน่งถือว่าช่วยให้คุณประหยัดไฟมากขึ้นเพราะตู้เย็นจะได้ระบายความร้อนได้สะดวกค่ะ ตำแหน่งที่เหมาะสม คือ ให้ตั้งเว้นพื้นที่ด้านข้าง - ด้านหลังให้เหลือช่องว่างอย่างน้อย 15 ซม.และไม่ควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งความร้อนอื่น ๆ ซึ่งการตั้งตู้เย็นแบบนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ตู้เย็นได้อีกด้วยนะ


ซักรีดเสื้อผ้าในคราวเดียว

     เครื่องซักผ้าและเตารีดถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากพอกันเลยค่ะ ดังนั้น คุณควรวางแผนการซักผ้าและรีดผ้าดี ๆ เลย อาจจะซักและรีดเสื้อผ้าอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ให้มีปริมาณเสื้อผ้ามากพอที่จะคุ้มค่าแก่การใช้ไฟฟ้าในการซักและรีดค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดไฟได้มากเลยค่ะ แต่อย่าปล่อยให้เสื้อผ้ามีมากเกินไปนะคะ เดี๋ยวซักแล้วไม่หอมอีก แถมรีดจนเหนื่อยแย่เลย


ตรวจสอบมิเตอร์ไฟเป็นประจำ

     หลายบ้านอาจละเลยในการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้ากัน การตรวจสอบมิเตอร์เป็นประจำถือเป็นอีกวิธีประหยัดไฟฟ้าเลยนะคะ เพราะจะทำให้คุณรู้ถึงจำนวนไฟที่ใช้ไปในแต่ละรอบเดือนว่าเพิ่มขึ้น หรือลดลงเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยให้คุณวางแผนประหยัดไฟได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญควรหมั่นตรวจเช็กสภาพของมิเตอร์อยู่เสมอ เพราะหลายครั้งที่ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นอาจมาจากการที่มิเตอร์มีความผิดปกติ ชำรุดเสียหายค่ะ ดังนั้น ควรตรวจสอบมิเตอร์ไฟกันด้วยนะคะ

     ครบแล้วนะคะสำหรับ 6 วิธีประหยัดไฟในบ้าน ทำได้ง่าย ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ แค่ลองปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพียงเล็กน้อย แลกมากับการได้ประหยัดพลังงานมากขึ้น แถมยังเป็นการถนอมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นอีกด้วยนะ ลองกลับไปทำตามดูนะคะ เผื่อค่าไฟที่บ้านจะถูกลงบ้าง สู้ ๆ ค่ะ ทุกคน


บริหารจัดการอาคาร: วิธีประหยัดค่าไฟในบ้านง่าย ๆ คลายกังวลค่าไฟแพง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

440
BMW iX xDrive40 มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าใหม่ล่าสุด พร้อมความล้ำยุคด้านเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและการเชื่อมต่ออีกมากมาย เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้าซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ในระยะยาวไกลยิ่งขึ้นและอัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.1 วินาที ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า ระบบ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้านี้ยังทำงานพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด มอบระยะทางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 425 กิโลเมตร สร้างแรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 630 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 มีความจุพลังงานสุทธิ 76.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จจาก 0% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 46 นาที


รายละเอียดเบื้องต้น
แบรนด์                   BMW
รุ่น                        บีเอ็มดับเบิลยู BMW i iX xDrive40 ปี 2022
ประเภทรถ               รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
ปีที่เปิดตัว                2022
ราคา                     4,999,000 บาท

ดีไซน์
  ภายนอก

    อุปกรณ์ชุดแต่ง (ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุุสีดำเงา)
    ล้อแม็ก (aerodynamic ขนาด 22" แบบสลับสี 3D ขัดเงา)
    ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม
    ไฟหน้า (BMW Laserlight)
    อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (หลังคากระจก Panorama Sky Lounge)
    ขนาดยางหน้า-หลัง (9.5 J ? 22 / ยาง 275/40 R2)

  ภายใน

    ตกแต่งภายใน (ภายในตกแต่งดีไซน์ Suite, ภายในตกแต่งด้วยวัสดุ Polished crystal glass แบบ clear & bold)
    อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (หลังคาภายในสี Anthracite)

สเปค

มอเตอร์ไฟฟ้า               มอเตอร์ไฟฟ้า 326 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.1 วินาทีความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. ระยะทางขับเคลื่่อนไฟฟ้า1, มาตรฐาน NEDC 420 กิโลเมตร, ระยะทางขับเคลื่่อนไฟฟ้า1, มาตรฐาน WLTP 372-425 กิโลเมตร

กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)  326 แรงม้า
ระบบเกียร์                    เกียร์อัตโนมัติ
รูปแบบเกียร์                 ไฟฟ้า
ระบบเบรค ABS            มี
ชนิดแบตเตอรี่              ไฟฟ้า
ความจุแบตเตอรี่
ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง 425 กิโลเมตร
น้ำหนักตัวรถ
ประเภทยางรถยนต์ 
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน        ขับเคลื่อนสี่ล้อ (BMW xDrive electric all-wheel drive)
ระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย   

    อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ
    ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
    กล้อง


รถยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู BMW i iX xDrive40 ปี 2022 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC

441
หากพูดถึงการตกแต่งบ้านสุดอินเทรนด์ในตอนนี้ก็คงต้องพูดถึงการตกแต่งบ้านมินิมอลสไตล์ การตกแต่งบ้านยอดฮิตที่ใครๆ ก็อยากแต่งกัน เพราะทั้งดูชิค ดูสวย แถมมีไอเดียแชร์ให้ไปทำตามกันได้เยอะ ที่สำคัญใช้งบประมาณน้อยสุดๆ แต่...ปัญหาก็คือเราจะเริ่มแต่งบ้านมินิมอลจากตรงไหนดีนี่สิ แต่งอะไรก่อน บทความนี้เรามีมาแนะนำกัน

ใครที่ยังไม่เคลียร์ว่าบ้านมินิมอลคืออะไร มาทำความเข้าใจกันก่อนครับ โดยบ้านมินิมอลสไตล์(Minimal Style) เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มากด้วยฟังก์ชัน ประโยชน์ใช้สอยเพียบ ในสวนของการจัดวางองค์ประกอบนั้นก็จะจัดวางแบบเรียบง่าย เป็นระเบียบเรียบร้อย มีความสมดุล ดูสะอาดสำหรับโทนสีในการตกแต่งนั้นจะเน้นสีโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ อย่างสีขาว เทา ดำ สีเบจ เป็นต้น เพื่อให้บรรยากาศโล่ง โปร่ง ผ่อนคลาย สบายตาครับ

หลังจากที่เราทำความเข้าใจกันไปแล้วว่าบ้านมินิมอลคืออะไรเรามาเริ่มแต่งบ้านสไตล์นี้ไปพร้อมๆ กันเลยครับ


1. ฮาวทูทิ้ง คัดและแยก

อย่างแรกที่เราต้องทำเลยก็คือการเคลียร์ของและคัดของออกจากกันครับ ใครที่ดูฮาวทูทิ้งกันไปคงรู้ดีว่าขั้นตอนนี้โหดไม่เบา เพราะเราจะต้องนำของในบ้านเรามากองรวมกันแล้วคัดสิ่งที่ใช้ได้ หรือจะนำไปตกแต่งบ้านมินิมอลต่อแยกออกจากของชิ้นอื่นๆ แนะนำว่าให้แยกเป็นกลุ่มๆ นะครับ เช่น กลุ่มของตกแต่งบ้านมินิมอล ของบริจาค ขางขายต่อมือสอง และของที่ต้องทิ้ง เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาย้อนความหลังกับสิ่งของเลยล่ะครับ ซึ่งหากใครที่ย้ายบ้านใหม่เลยก็ต้องคัดแยกเช่นกันนะครับ


2. ทำความสะอาด เคลียร์บ้านให้โล่ง   

หลังจากที่คัดแยก แบ่งกลุ่มสิ่งของเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาแห่งการทำความสะอาดบ้านแล้วครับ ซึ่งนอกจากพื้นบ้านที่ต้องจัดการแล้ว ผนังบ้านก็เป็นอีกหนึ่งจัดที่ต้องใส่ใจ ด้วยความที่บ้านมินิมอลเน้นความสะอาดเรียบง่าย สบายตา เราจึงต้องเอาของที่อยู่บนผนังออกมาก่อนครับ แล้วจะติดบางส่วนเข้าไปใหม่ค่อยว่ากันอีกที


3. สำรวจและวางแผนตกแต่งบ้านมินิมอล

เมื่อเคลียร์พื้นที่บ้านเรียบร้อย เรามาย้อนดูกันครับว่าห้องมี่จะแต่งมีขนาดเท่าไร ต้องแต่งห้องอะไรบ้าง แล้วของที่เราคัดแยกไว้นั้นคืออะไร พร้อมวางแผนว่าอยากจะแต่งบ้านมินิมอลออกมาแบบไหน แล้วของที่คัดแยกไว้จะนำมาแต่งหรือวางตรงไหนได้บ้าง เมื่อเราคิดได้คร่าวๆ แล้วก็ต้องสำรวจและวางแผนที่จะซื้อของหรือเฟอร์นิเจอร์มาเติมครับว่าจะต้องซื้ออะไรบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องเตือนตัวเองเสมอนะครับว่าเราแต่งบ้านมินิมอล ฉะนั้นไม่ควรมีของตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์อัดแน่นนะครับ


4. เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น

เมื่อสำรวจของแต่งบ้านที่ขาด และวางแผนตกแต่งบ้านมินิมอลเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งกันแล้วครับ โดยแนะนำว่าควรซื้อเฟอร์นิเจอร์จำนวนน้อยชิ้น แต่มากไปด้วยฟังก์ชัน เช่นเตียงนอนที่มีที่เก็บของ โต๊ะที่พับหรือเก็บของได้ โซฟาเบด เป็นต้น เพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายประโยชน์ พร้อมประหยัดพื้นที่ไปในตัว ส่วนรูปทรงก็ต้องดูมีความเรียบง่าย ลวดลายน้อย เน้นโทนสีอ่อนหรือสีโมโนโทน เพื่อให้บ้านของเราคุมโทนไปด้วยกันนะครับ อีกสิ่งสำคัญที่ต้องเตือนตัวเองเสมอเวลาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ก็คือเราจำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งนี้จริงๆ เท่านั้น


5. ตกแต่งไปทีละห้อง

เมื่อได้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านพร้อมแล้ว บ้านก็ทำความสะอาดเคลียร์พื้นที่ให้โล่งเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องตกแต่งบ้านมินิมอลสไตล์กันแล้วครับ แนะนำว่าให้ตกแต่งไปทีละห้องก่อน เพื่อดูภาพรวมห้องแรก แล้วจะได้แต่งห้องอื่นๆได้ง่ายขึ้น คุมธีมบ้านได้ง่ายขึ้นด้วยครับ เช่น เราอาจแต่งภาพรวมห้องนั่งเล่นก่อน เมื่อเห็นภาพรวมคร่าวๆ แล้ว เราก็เริ่มวางของและตกแต่งในห้องนอนต่อ ไล่ๆ ไปจนครบทุกห้องนั่นเอง เพื่อให้เป้นสไล์เดียวกัน ไปด้วยกัน และดูเข้ากันทั้งบ้าน ซึ่งสำหรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ของจุกจิกต่างๆ เราค่อยซื้อมาเพิ่มหรือตกแต่งเพิ่มเติมจนพอใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องย้ำอีกครั้งว่าบ้านสไต์มินิมอลนั่นไม่เน้นตกแต่งด้วยของเยอะๆ นะครับ ยิ่งถ้ามีของตกแต่งจุกจิกมากไปอาจจะหลุดสไตล์และดูไม่ลงตัวก็เป็นได้


6. ดูภาพรวม เพิ่มสีสัน เติมสิ่งที่ขาดให้เรียบร้อย

แม้ว่าบ้านมินิมอลจะคุมโทนสีโมโนโทนหรือสีอ่อน แต่ใช่ว่าเราจะต้องใช้สีเดียวหรือสีที่โทนนี้ทั้งหมดในการแต่งบ้านเท่านั้นนะครับ แต่เราสามารถเติมสีสันให้บ้านดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ด้วยการแซมของตกแต่งเล็กๆ ลง เช่น ติดกรอบรูปลวดลายเก๋ๆ สีเหลืองโดดขึ้นมาตรงผนัง หรือนำดอกไม้มาใส่แจกันสวยๆ รวมถึงปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ไว้ในบ้าน หรือจะหาของสะสมเรียบๆ แต่มีสีอื่นที่สดชื่นขึ้นมาตั้งก็ได้นะครับ ซึ่งเมื่อเราลองนำมาตกแต่งแล้วเห็นว่าเข้ากัน หรือไม่สะดุดตาจนเกินไปก็เป็นอันใช้ได้ครับ


บ้านจัดสรรโคราช: อยากตกแต่งบ้านมินิมอลต้องเริ่มจากตรงไหนดี อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/home3/

442
ฮวงจุ้ยบ้าน และรวมไปถึงการจัดแต่งบ้านก็จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ กับการปลูกบ้านตามหลักของฮวงจุ้ย ในการเสริมโชคชะตาโชคลาภ และเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล กับการแก้ไขปัญหาและรวมไปถึงการแก้ดวงชะตาให้มีความรุ่งเรืองร่ำรวย ได้มากยิ่งขึ้น จึงทำให้การนำลักษณะบ้านเหล่านี้ มาเป็นอะไรที่ค่อนข้างมีความยอดเยี่ยมต่อส่วนสำคัญ ต่อองค์ประกอบต่อความหลากหลาย ต่อส่วนผสมผสานในสิ่งที่ค่อนข้างมีความลงตัว และชัดเจนไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับบ้านเป็นลักษณะ ที่เรียกได้ว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดูแลเอาใจใส่ อย่างใกล้ชิดและไม่ควรที่จะมองข้ามเป็นอันเด็ดขาด ต่อส่วนสำคัญต่อสิ่งที่มีความน่าสนใจ ต่อความหลากหลายต่อส่วนผสมผสานกับสิ่งที่เรียกว่ามีความชัดเจน และในส่วนที่เรียกว่าจะต้องดูแลเอาใจใส่ อย่างใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ลักษณะ ฮวงจุ้ยบ้าน ที่อยู่ในเฟืองฟู

บ้านที่มีลักษณะเป็นตอนยาวลึก หรือเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้านับว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดีเยี่ยม เป็นบ้านที่ความเป็นมงคล ช่วยเหลือให้คนที่พักอาศัยคิดทำสิ่งใดก็เจริญรุ่งเรือง รุ่งเรือง มีแม้กระนั้นความสบาย ความอบอุ่น ที่อยู่แล้วเฟื่องฟู แถมยังคงเป็นส่วนที่ค่อนข้างมีความน่าสนใจ และยอดเยี่ยมหลากหลาย ในส่วนผสมผสานที่ดีอย่างแน่นอน


ประตูเสริมโชคลาภได้

อย่างไรก็ตามบ้านที่มีประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่ไปในทางทิศซ้ายมือ ของตัวบ้านที่มีประตูตามหลักของฮวงจุ้ยเรียกว่าเป็นตำแหน่ง ของ “มังกรเขียว” อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีเป็นอย่างมากกับตำแหน่งประตูที่เปิดเข้าออกตลอดเวลา และเป็นตำแหน่งที่ท่าจะเคลื่อนไหว และเสริมให้กับบ้านช่วยเสริมโชคลาภ อย่างสม่ำเสมออีกด้วย


บันไดที่ดี

สำหรับบันไดเป็นสิ่งที่ดี บันไดเป็นเลขคี่ ก็จะถึงเลขมงคลและตำแหน่งบันได ที่ดีควรที่จะอยู่ในลักษณะของชิดผนังบ้าน หรือชิดด้านใดด้านหนึ่งของตัวบ้านลักษณะนี้ เป็นลักษณะที่จะนำโชคลาภในความโชคดีมาให้จะส่งผลให้คนในบ้าน มีความมั่งคั่งมั่งมีศรีสุขและเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงานไม่น้อยเลยทีเดียว


ฮวงจุ้ยบ้าน

ทิศบ้านมงคล

สำหรับทิศบ้าน เป็นสิ่งมงคลที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็ว่าได้ เพราะตามหลักของฮวงจุ้ยและเป็นบ้านที่ดีควรที่จะหันไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ว่างเพราะจะมีกระแสลมที่ดีพัดพา และเป็นอีกหนึ่งพลังงานมงคลที่เข้าสู่บ้านที่ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยได้รับโชคลาภ และผู้อยู่อาศัยจะได้รับพลังที่ดี และมีความสุขเป็นอย่างมาก


เขียวชอุ่มและเสริมความรุ่งเรือง

บ้านที่มีความเขียวชอุ่ม จากต้นไม้รอบรอบบริเวณ ถือเป็นบ้านที่มีลักษณะที่ดีและตามหลักของฮวงจุ้ย แล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของความงอกงามเจริญเติบโต และมีความเกี่ยวโยงหรือเกี่ยวพัน เต้าส่วนที่ค่อนข้างมีความสำคัญ และความจำเป็นในสิ่งที่เรียกว่ายอดเยี่ยมเป็นหลักที่ดี ไม่มากก็น้อยเท่าที่จะมากได้เลยทีเดียว

ลักษณะบ้านแบบนี้สิ! ที่อยู่แล้วรวยตามหลัก ฮวงจุ้ยบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/

443
การเข้ารับการจัดฟันแบบใส ถือว่าเป็นนวัตกรรมการจัดฟันแบบใหม่ ที่เน้นความสวยงามของฟันเป็นหลัก เพราะเครื่องมือที่ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่ มีความโปร่งใส ทำให้คนอื่นมองแทบไม่ออกว่าเรากำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ โดยเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะสามารถช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน เป็นเครื่องมือจัดฟันที่สามารถถอดใส่ได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องทนเจ็บจากเครื่องมือแบบติดแน่น เพราะปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในรูปแบบใด ปัญหาที่มักพบได้บ่อยคือ การเกิดแผลภายในช่องปาก

เนื่องจากเครื่องมือที่สวมใส่ อาจจะทำให้รู้สึกระคายเคืองช่องปาก จนทำให้เกิดบาดแผล ส่งผลทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด รับประทานอาหารได้น้อยลง ในเรื่องของการจัดฟัน ซึ่งต้องบอกว่า ได้รับความนิยมมากในกลุ่มของวัยรุ่น หลายคนมีความคิดที่ว่า การจัดฟันเหมาะสำหรับเด็กเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นความคิดที่ผิด เพราะการจัดฟันสามารถจัดได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่การจัดฟันจะมีประสิทธิภาพในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

เพราะเด็กยังมีการเจริญเติบโต ซึ่งแก้ไขได้ง่ายกว่า ไม่ซับซ้อน แต่การจัดฟันแบบใส ถึงแม้ว่าจะมีอายุมาก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้ และมีประสิทธิภาพเช่นเดียว ซึ่งใครหลายคนที่กำลังคิดหรือสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส อาจจะกังวลในเรื่องของอายุ เพราะการจัดฟันแบบใส มีค่าใช้จ่ายที่สูง  แน่นอนว่าถ้าหากเข้ารับการจัดฟันแบบใส และไม่ได้ผลก็อาจจะทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ และยังเสียเวลาอีกด้วย ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของอายุกับการเข้ารับการจัดฟันแบบใส

สำหรับเรื่องของอายุกับการเข้ารับการจัดฟันนั้น ต้องบอกก่อนว่า การเข้ารับการจัดฟันไม่ว่ารูปแบบใด สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงอายุประมาณ 10-14 ปี เนื่องจากร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายเป็นประโยชน์ต่อการจัดฟัน แต่หากอายุมากแล้วหรือประมาณ 30 ปีขึ้นไป อาจต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่นานกว่าปกติ

การเข้ารับการจัดฟันแบบใสก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีและปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการจัดฟัน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 30-50 ปี หากมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการจัดฟัน เช่น มีฟันหน้าห่าง ฟันซ้อน ฟันยื่น ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ หากมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีระเบียบวินัยนการสวมใส่เครื่องมือ และมีความพร้อม ที่จะให้ความร่วมมือในการรักษาก็สามารถทำได้ โดยไม่มีข้อจำกัด

ดังนั้น การจัดฟันสามารถทำได้เกือบทุกช่วงอายุ เพราะอายุไม่ใช่ข้อห้ามของการจัดฟัน แต่ในเรื่องของสุขภาพของช่องปากและฟันต่างหาก ที่อาจจะเป็นข้อห้าม สำหรับการจัดฟันในผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ภายหลังการจัดฟัน ผู้เข้ารับการจัดฟันควรดูแลตนเองด้วยการรักษาความสะอาดของฟันและเครื่องมือจัดฟัน ควร ทำความสะอาดภายหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและก่อนเข้านอน รักษาเครื่องมือจัดฟันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ให้หลุดหักหรือบิดเบี้ยว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเหนียว และปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะได้มีผลการรักษาที่ดี เป็นไปตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้

สำหรับใครที่สนใจอยากเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกของเรา เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันและการทันตกรรมอื่นๆ ทั้งยัง ได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัย ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความมั่นใจว่า เมื่อเข้ารับการรักษากับทางคลินิก แล้วจะมีความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงจะมั่นใจได้ว่าคุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามและมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี รวมไปถึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติด้วย เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่มั่นใจ สดใส และทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันทุกคนที่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


อายุมาก สามารถจัดฟันแบบใสได้ไหม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

444
เทคโนโลยีการออกแบบรอยยิ้ม ด้วยโปรแกรม Digitally Assisted Smile Design
 
โปรแกรมอันทันสมัยของเราจะช่วยเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ การมองเห็น การสื่อสารของคุณกับทันตแพทย์ตลอดการทำฟัน
 
เนื่องด้วยปัจจุบัน คนไข้มีความคาดหวังที่สูงขึ้นในการทำฟัน ไม่ใช่เพียงแค่ฟันที่สวยงามและใช้งานได้ดีเท่านั้น แต่ยังต้องเหมาะสมกับบุคลิกเฉพาะของแต่ละบุคคล ฉะนั้นแล้วทันตแพทย์จึงจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบการรักษา และการให้บริการโดยนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้มากขึ้น การนำเทคโนโลยีการออกแบบรอยยิ้มด้วยโปรแกรม Digitally Assisted Smile Design เข้ามาใช้ จะเป็นตัวช่วยให้คนไข้กับทันตแพทย์สื่อสารกันได้เข้าใจตรงจุดมากขึ้น
 
คนไข้จะสามารถเห็นภาพได้ว่าฟันที่ทำออกมาแล้วจะมีลักษณะอย่างไร ระหว่างกระบวนการจะมีการสื่อสารกับคนไข้อย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพ และตรงกับภาพที่วางเอาไว้ให้มากที่สุด เทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจอย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถทำให้คนไข้มองเห็นภาพหลังการรักษาได้
 
การเปลี่ยนแปลงการออกแบบรอยยิ้มจากแบบ 2 มิติ มาสู่ 3 มิติ สามารถช่วยทีมทันตแพทย์ให้มองเห็นภาพ เข้าใจ และออกแบบการรักษาให้เป็นไปตามแผน ตั้งแต่การออกแบบการรักษาแบบชั่วคราวไปจนถึงสิ้นสุดขั้นตอนการรักษาอย่างสมบูรณ์ได้ง่ายขึ้น เทคนิคการรักษาแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้งานของทันตแพทย์ลดลง แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสื่อสารกันระหว่างทีมทันตแพทย์และคนไข้ให้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
 

ขั้นตอน การออกแบบรอยยิ้ม (Digital Smile Design)

ทันตแพทย์จะทำการตรวจภาพรวมของใบหน้า การทำงานของริมฝีปาก และตรวจภายในช่องปาก หลังจากนั้นจะทำการบันทึกข้อมูล ภาพถ่าย วีดีโอ เพื่อนำไปวางแผนรักษา และนำแผนที่ได้นั้นมาร่วมกันพิจารณากับผู้รับบริการ ซึ่งวิธีดังกล่าวจะทำให้ผู้เข้ารับบริการได้มองเห็นที่คาดว่าจะได้รับไปในทิศทางเดียวกัน


1.ตรวจ

ทันตแพทย์จะทำการตรวจในช่องปาก นอกช่องปาก


2.ถ่ายภาพช่องปากและใบหน้า

เพื่อที่จะนำภาพถ่ายไปวางแผนการรักษา และนำมาแสดง ให้ทราบถึงแนวโน้มการรักษา


เทคโนโลยีการออกแบบรอยยิ้ม (Digitally Assisted Smile Design) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://bit.ly/44ftcbd

445
เชื้อร้าย ฝุ่น มลภาวะเปลี่ยนปอดพัง เป็นปอดปัง ตัวช่วยสำคัญ “กระชายพลัส เอ็มเมด”บรรเทาอาการนอนน้อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย

คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ 100%

จากงานวิจัยกระชาย มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชาย 4 ชนิด คือสาร Pinostrobin, Pinicembrin, Panduratin A และ Alpinetin ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผู้ป่วย ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียได้

จากงานวิจัยกระชาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นความสำคัญของ สารสกัดกระชายขาว จึงได้วิจัย พัฒนา และ สกัดสารสำคัญของกระชายขาว ที่มีคุณภาพ
จึงเป็นที่มาของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      359    บาท
2 กระปุก      680    บาท
5 กระปุก      1400   บาท
10 กระปุก    2300   บาท

เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร

ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก

สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/





446
ซื้อขาย ใช้งานง่าย / การจัดฟันเด็ก ช่วยปรับโครงหน้า
« เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2023, 21:47:38 น. »
การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่แก้ไขปัญหาในเรื่องของการเรียงตัวของฟันที่มีความผิดปกติ เป็นหนึ่งในวิธีรักษาทางทันตกรรมซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง การจัดฟันยังช่วยปรับโครงหน้าของผู้เข้ารับการรักษาให้เข้ารูปได้ด้วย ดังนั้นการจัดฟันจึงช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและช่วยปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดียิ่งขึ้นได้ นอกจากนี้ในปัจจุบัน การจัดฟันได้มีการพัฒนาให้สามารถจัดฟันในเด็กได้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่อายุ3-4 ขวบเลย

แต่ถ้าพูดในเรื่องของความสะดวกและความร่วมมือของเด็กก็ควรอยู่ในช่วงอายุ 7-8 ขวบจะดีที่สุด ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรกำลังเจริญเติบโต นั่นหมายความว่าปัญหาบางอย่าง เช่น ฟันซ้อน จะแก้ไขได้ง่ายกว่าตอนโตเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้การจัดฟันในเด็กไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจัดฟันได้ทุกแบบ แต่อาจช่วยได้ในบางกรณีเท่านั้น แต่ในเรื่องของโครงสร้างของใบหน้า แน่นอนว่าการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ด้วยเครื่องมือ EF Line คือเครื่องมือที่เป็นชิ้นยางหลากหลายสี ซึ่งมีหลายขนาดตามอายุและขนาดของขากรรไกรเด็ก ซึ่งประโยชน์ของเครื่องมือชิ้นนี้ คือมันจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็กให้มาอยู่ถูกที่ถูกทาง และให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

โดยเครื่องมือการจัดฟันในการจัดฟันในเด็กนั้น จะช่วยป้องกันปัญหาการสบฟันผิดปกติหรือแก้ไขเพื่อบรรเทาความรุนแรงของความผิดปกติซึ่งควรทำในเด็ก เพราะเครื่องมือ EF Line ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของป้องกันฟันล้ม ซึ่งใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียฟัน หรือ ต้องถอนฟันน้ำนมก่อนกำหนด โดยทันตแพทย์จะถอนฟันน้ำนมที่เสียออก แล้วพิมพ์ปากเพื่อทำเครื่องมือกันฟันล้มใส่ให้ รอจนกว่าถึงเวลาที่ฟันแท้จะงอกขึ้นทดแทนในช่องว่างที่ถอนฟันสำหรับผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นเด็กก็จะมีฟันแท้ งอกตรงในบริเวณที่ควรจะงอก ทำให้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาฟันคุดของฟันแท้ในบริเวณนั้น หรือ การล้มเกของฟันรอบๆ ข้าง แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การได้มีฟันน้ำนมอยู่ในปากจนครบเวลาที่ควรจะหลุด จะเป็นการป้องกันฟันล้มเกได้ดีที่สุด นอกจากนี้ เครื่องมือดังกล่าวยังสามารถแก้ไขพฤติกรรมที่ผิดปกติที่เกิดในเด็กได้ด้วย หากเรามานั่งพูดถึงสาเหตุของการสบฟันที่ผิดปกติในเด็กจำนวนมาก ที่เรามักพบเจอได้บ่อย ส่วนใหญ่จะเกิดจากนิสัยต่างๆ เช่น การดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ หรือ การหายใจทางปากจากปัญหาทางเดินหายใจ อาจจะส่งผลให้ฟันหน้าบนยื่น หรือไม่สบฟันได้ในที่สุด ทันตแพทย์จะมีเครื่องมือรูปแบบต่างๆ ที่ช่วยแก้ไขนิสัยเหล่านี้ให้แก่เด็กได้

อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็ก ก็มีข้อดีในเรื่องเครื่องมือการจัดฟันที่เป็นจุดเด่น สำหรับเครื่องมือ EF Line นอกจากจะช่วยแก้ไขในเรื่องของปัญหาสุขภาพฟันในเด็กแล้วยังช่วยในเรื่องของโครงสร้างของใบหน้าของเเด็กอีกด้วย เพราะสามารถแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้า จะต้องเข้ารับการแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน เครื่องมือ EF line สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี


การจัดฟันเด็ก ช่วยปรับโครงหน้า อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

447
บ้านโมเดิร์นสไตล์ Japandi

ผู้อ่านเคยได้ยินเกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบของ Japandi หรือไม่ครับ? เดี๋ยวนี้สไตล์การตกแต่งบ้านเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ บางครั้งคนทำบ้านก็ชอบบางส่วนของสไตล์นี้ แล้วก็อยากหยิบจุดเด่นของสไตล์นั้นมาใช้งาน จนเกิดเป็นรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่ง Japandi ก็เกิดมาจากการผสมผสานการออกแบบสไตล์มินิมอลแบบญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียเข้าด้วยกัน การออกแบบนี้มักจะมีลักษณะที่เรียบง่ายด้วยการใช้สีที่เป็นกลาง ๆ วัสดุไม้ ใส่แสงธรรมชาติ ประหยัดพื้นที่แต่ใช้งานได้จริง บ้านที่นำเสนอในเนื้อหานี้ก็ดีไซน์ให้ได้กลิ่นอายของทั้งสองรูปแบบไปพร้อมกัน


บ้าน Japandi มีสิ่งหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบหลักเหมือนกัน คือ เน้นใช้องค์ประกอบจากธรรมชาติ เช่น ไม้ เหมือนเช่นบ้านใน Bumi Aranda บันดุง ชวาตะวันตก  ประเทศอินโดนีเซีย ต้องการให้รูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเองในการออกแบบส่วนหน้าของบ้าน  จึงเลือกใช้ไม้ระแนงมาเป็นส่วนประกอบที่ฟาซาดด้านหน้า ช่องหน้าต่างวงกลมทำให้บ้านดูอบอุ่นและลดความแข็งกระด้างของเส้นสายหลังคาเฉียงสูงไร้ชายคาแบบสแกนดิเนเวียน

บ้านโมเดิร์นหลังคาเฉียงฟาซาดไม้ระแนง

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าบันดุงเป็นเขตร้อนชื้น มีอากาศที่เย็นสบาย มีแสงแดดเพียงพอ และรู้สึกราวกับภาพประกอบบทกวีเมื่อฝนตก Bumi Andara จึงต้องการรวมองค์ประกอบสภาพอากาศของบันดุงเข้ากับอาคารผ่านลานที่ว่างตรงกลางบ้าน สีอ่อนๆ ที่เป็นฉากหลังของบ้าน สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและเรียบง่าย บวกกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มทำให้บ้านดูโดดเด่นมากด้วยสไตล์การออกแบบของญี่ปุ่น


ห้องนั่งเล่นผนังไม้ระแนงสีน้ำตาลเข้ม

จริงๆ แล้วโครงการนี้เป็นงานรีโนเวทบ้าน ซึ่งมีข้อจำกัดของพื้นที่และกฎเกณฑ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมวลของอาคารได้ สิ่งนี้กลายเป็นความท้าทายในการออกแบบ Bumi Andara ด้วยเหตุนี้ทีมงานจึงเน้นให้แต่ละส่วนใน “พื้นที่สาธารณะ” มีความยืดหยุ่น แต่ละห้องจึงรออกแบบพื้นที่ให้เปิดโล่ง โดยใช้แปลนแบบ open plan ใส่ผนังกระจกที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ภายใน ช่วยพรางตาให้บ้านดูกว้างและเปิดให้บ้านได้รับแสงแดดธรรมชาติ อากาศถ่ายเทได้ดี โดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศหรือไฟเพิ่ม ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยประเพณีของชาวอินโดนีเซียที่มักจะรวมตัวกันกับครอบครัว พื้นที่เปิดโล่งแห่งนี้สามารถเป็นสถานที่รวมตัวที่สะดวกสบายสำหรับแขกทุกคนที่มา
ห้องครัวโทนสีขาวสลับกับไม้น้ำตาลเข้ม

ในส่วนครัวที่แยกออกมาอีกด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่น เพื่อไม่ให้กลิ่นและควันจากการทำอาหารสไตล์เอเชียที่กลิ่นรสรุนแรงรบกวนการใช้ชีวิตในส่วนอื่นๆ โซนนี้ไม่ได้มีประตูกั้นแยกห้องออกไปแต่อย่างใด แต่เป็นพื้นที่โล่งๆ ให้เข้าออกได้ง่ายๆ และยังมีปฏิสัมพันธ์กับส่วนอื่นๆ ของบ้านได้

โถงบันไดเต็มไปด้วยความสว่างจากช่องแสง skylight ที่ดึงแสงลงมาตรงๆ จากด้านบน ซึ่งเป็นหนึ่งองค์ประกอบในบ้านเขตหนาวสไตล์สแกนดิเนเวียนมักจะมี การเพิ่มองค์ประกอบพื้นไม้ไม่ว่าจะเป็นพื้นบันไดหรือระแนงกันตกด้านข้าง ทำให้บรรยากาศของบ้านดูเป็นธรรมชาติและสวยงามมากขึ้น ในส่วนนี้ตอนกลางวันแทบไม่ต้องเปิดไฟฟ้า ส่วนกลางคืนจะเห็นมิติของแสงไฟซ่อนตรงราวบันไดเด่นชัดขึ้นอย่างสวยงาม

ห้องนอนปูพื้นไม้ลายก้างปลา

พื้นที่ห้องนอนส่วนตัว เป็นห้องนอนแสนสบายและเรียบง่ายบนชั้นสอง แม้ว่าพื้นที่ส่วนกลางในบ้านหลังนี้จะออกแบบด้วยแนวคิดแบบเปิด แต่พื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนก็ยังคงถูกจัดวางให้เป็นพื้นที่ปิดมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้เข้าพักถูกรบกวนและยังได้รับความรู้สึกเป็นส่วนตัว ส่วนห้องน้ำจะใช้โทนสีเทาของกระเบื้องหินขัด กระเบื้อง subway สีขาว ที่สื่อความเป็นนอร์ดิกผสมผสานกัน

การแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่นปนยุโรปเหนือแบบ Japandi เน้นการออกแบบเส้นสายเรียบง่าย ใส่หน้าต่างทรงกลมหรือประตูโชจิแทรกก็ได้ ด้านสีที่มักใช้สีอ่อน สีกลางๆ อาทิ สีขาว ครีม  สีไม้โทนอ่อน ปรับมู้ดบ้านให้ดูสะอาดตาและน่าใช้งานในบรรยากาศแบบญี่ปุ่น ผสมผสานกับช่องแสงขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง หรือช่องแสงสกายไลท์ รวมไปถึงการใช้สีเทาอ่อน ลายกราฟิก หรือสัญลักษณ์อย่างของตกแต่งรูปต้นสน หัวกวาง ซึ่งให้กลิ่นอายตามสไตล์สแกนดิเนเวีย เป็นต้น


ออกแบบบ้านสองชั้น หลังคาเฉียงสูง ฟาซาดระแนงไม้ ลูกครึ่งญี่ปุ่นนอร์ดิก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/

448
ถ้าชอบจุดเทียนเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศให้บ้านดูอบอุ่นละก็ เดาได้ไม่ยากเลยค่ะ ว่าคุณต้องกำลังปวดหัวกับคราบน้ำตาเทียนอยู่แน่ ๆ จะทำความสะอาดก็ยากเย็น แถมบางครั้งยังทิ้งร่องรอยขีดข่วนไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก หยุดวิธีเดิม ๆ แล้วมาดูวิธีทำความสะอาดน้ำตาเทียนที่นำมาฝากกันในวันนี้สิค่ะ รับรองทั้งง่ายและปลอดภัยไม่ทิ้งรอยขีดข่วนบนผนัง พื้น หรือสิ่งของในบ้านแน่นอน
 
1. เป่าไดร์
 
เมื่อน้ำตาเทียนแข็งจนเกาะเป็นก้อน ให้ใช้ไดร์เป่าผมเป่าละลายน้ำตาเทียนให้ละลาย จากนั้นใช้กระดาษทิชชูเช็ดออก หากมีคราบส่วนเกินตกค้างอยู่ ก็พ่นสเปรย์น้ำยาทำความสะอาดเอนกประสงค์ลงไป แล้วใช้ผ้าเช็ดออกให้เกลี้ยง วิธีนี้ไม่แนะนำให้ใช้กับการทำความสะอาดน้ำตาเทียนบนผ้าเด็ดขาด เพราะจะทำให้สีของผ้าเปลี่ยนไป
 

2. ทาบเตารีด
 
วิธีทำความสะอาดน้ำตาเทียนบนผ้า โดยการนำกระดาษทิชชูมาปิดทับน้ำตาเทียนไว้ประมาณ 1-2 ชั้น จากนั้นใช้ผ้าขนหนูทับลงไปอีกชั้น ก่อนจะนำเตารีดที่เปิดด้วยความร้อนปานกลางทาบลงไป จนกระทั่งน้ำตาเทียนละลายและซึมเข้าไปในทิชชูจนหมด
 

3. แช่น้ำแข็ง

หากเจอคราบน้ำตาเทียนที่ยังไม่แข็งตัว ให้นำผ้าขนหนูชนิดบางมาห่อน้ำแข็งไว้ แล้วแตะลงไปบนคราบน้ำตาเทียน เพื่อให้น้ำตาเทียนจะแข็งตัวและเกาะติดผ้าขึ้นมา หลังจากนั้นนำเกรียงหรือบัตรแข็ง ๆ ที่ไม่ใช้แล้ว มาขูดคราบตกค้างออก แต่ถ้าคราบยังหลงเหลืออยู่อีก แนะนำให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสบู่เช็ดคราบอีกครั้ง
 

4. ฉีดน้ำส้มสายชู
 
คราบน้ำตาเทียนบนพื้นไม้ลามิเนตต้องทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง ด้วยการนำผ้าขนหนูมาห่อถุงน้ำแข็งเอาไว้ แล้วซับลงไปบนคราบน้ำตาเทียน เมื่อน้ำตาเทียนแข็งตัว ก็ใช้บัตรขูดคราบส่วนเกินออกเบา ๆ อย่าให้เนื้อไม้เป็นรอย จากนั้นผสมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง กับน้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง เทลงในขวดสเปรย์ นำไปฉีดคราบแล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดออก


 
5. ล้างน้ำร้อน
 
วิธีนี้ใช้สำหรับทำความสะอาดน้ำเทียนบนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ เริ่มจากต้มน้ำให้ร้อนจัด แล้วนำมาราดลงบนคราบน้ำตาเทียนช้า ๆ เพื่อให้น้ำตาเทียนอ่อนตัว จากนั้นก็นำเกรียงแซะคราบน้ำตาเทียนออกเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภัณฑ์เป็นรอย


6. แช่ในช่องแช่แข็ง
 
วิธีนี้ไม่ต้องนำช่องแช่แข็งมาทำอะไร แต่เราจะนำสิ่งของที่โดนน้ำเทียนหยดใส่ อย่างเช่น กรอบรูป แผ่นไม้ หรือถาด ไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง ให้น้ำตาเทียนแข็งตัวยิ่งกว่าเดิม จากนั้นนำออกมาออกมาเคาะหรือใช้ของแข็งขูดออกเบา ๆ


7. แช่น้ำสบู่ร้อน ๆ
 
หากคราบน้ำตาเทียนหกเลอะเครื่องแก้วใบสวยของคุณละก็ ไม่ต้องกังวลไป เพราะแค่ผสมน้ำร้อนกับสบู่เหลว แล้วนำเครื่องแก้วที่เลอะน้ำตาเทียนมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที  จากนั้นใช้ช้อนงัดคราบน้ำตาเทียน ก็จะหลุดออกอย่างง่ายดาย
 

8. ละลายน้ำตาเทียนก้นแก้ว
 
อยากได้แก้วใส่เทียนไปใช้งานอย่างอื่นต่อ แต่ดันมีน้ำตาเทียนติดอยู่ก้นแก้วเต็มไปหมด นั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะ แค่นำมีดมาตัดแบ่งก้อนน้ำตาเทียนที่ก้นแก้วให้เป็นส่วน ๆ แล้วเติมน้ำร้อนลงไปให้เต็มแก้ว ก้อนน้ำตาเทียนก้นแก้วก็จะค่อย ๆ ละลายและลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จนน้ำตาเทียนจับตัวเป็นก้อนบนผิวน้ำ เทน้ำออกมาแล้วเติมน้ำร้อนลงไปอีกครั้ง  ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วค่อยนำแก้วไปล้างให้สะอาด
 

9. คราบน้ำตาเทียนบนผนัง

เริ่มจากนำเทปกาวกระดาษมาติดไว้ล่างคราบน้ำตาเทียน จากนั้นใช้ไดร์เป่าผมเป่าเบา ๆ จนน้ำตาเทียนละลายลงมาเกาะบนเทปกาว ใช้ผ้าเช็ดน้ำตาเทียนส่วนเกิน แล้วค่อย ๆ ดึงเทปกาวออก ระวังอย่าให้สีทาผนังหลุดตามออกมา ใช้แผ่นอบแห้งเช็ดบริเวณที่เคยมีคราบ แล้วใช้ทิชชูชุบน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง ผสมกับน้ำเปล่า 1/3 ถ้วยตวง นำไปปิดคราบน้ำตาเทียนเอาไว้ ตามด้วยด้วยพลาสติกแรปอาหาร ใช้เทปกาวยึดมุมเอาไว้ ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วค่อยดึงออก เช็ดทำความสะอาดอีกครั้งด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นให้สะอาดเกลี้ยง
 

บริการทำความสะอาด: วิธีทำความสะอาดน้ำตาเทียน เลอะตรงไหนก็กำจัดออกได้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/soft-services/

449
หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการอยู่อาศัยอย่างมีความสุข คือ เพื่อนบ้าน และหนึ่งในปัญหาเพื่อนบ้านยอดฮิต คือ เสียงรบกวน ซึ่งพบบ่อยกับทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และคอนโด ที่มีแค่กำแพงกั้นระหว่างตัวบ้าน ทำให้เกิดปัญหามลพิษทางของเพื่อนบ้านได้ง่าย หากปัญหาเสียงรบกวนนี้เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต การอยู่อาศัย รวมถึงกิจธุระได้


ประเภทปัญหาเสียงดังรบกวนจากเพื่อนบ้าน

1. พูดเสียงดัง

การพูดเสียงดังย่อมรบกวนผู้ที่อยู่ใกล้เคียงได้ ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ เพื่อนบ้านที่มีนิสัยพูดเสียงดังเป็นปกติเพราะจะรบกวนอยู่เป็นประจำ หรือเพื่อนบ้านที่ส่งเสียงดังจากการทะเลาะกัน เพราะเสียงว้ากหรือหวีดใส่กันด้วยความโมโหนั้นจะรบกวนโสตประสาทได้มากมายเลยทีเดียว
เปิดทีวีหรือเพลงเผื่อแผ่ให้ฟังด้วย

แม้เป็นเรื่องของความบันเทิง แต่ก็ไม่เสมอไปที่เสียงทีวีหรือเพลงนั้นจะสร้างความสุขให้ เพราะความชอบและและการใช้ชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน เช่น ปัญหาเพื่อนบ้านเปิดทีวีเสียงดังในขณะที่เรากำลังทำงานหรืออ่านหนังสือที่ต้องใช้สมาธิ โดยเสียงรบกวนลักษณะนี้มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาพักผ่อน คือ เวลาค่ำจนถึงดึก


2. ปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยง

การสังสรรค์หรือจัดเลี้ยงกันนั้น มีทั้งแบบกินข้าวพูดคุยจนถึงตั้งวงเหล้า และเมื่อมีเหล้าเข้าปาก ก็ยิ่งจะเสริมดีกรีความดังขึ้นไปอีก สำหรับเพื่อนบ้านตัวแสบแล้ว นอกจากไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนอื่นแล้ว ยังเฮฮาปาร์ตี้กันจนดึกหรือโต้รุ่ง ซึ่งเป็นการก่อเสียงดังยามวิกาลที่ทำให้บ้านใกล้เรือนเคียงนอนหลับกันไม่ได้
ซ่อมหรือต่อเติมบ้านอย่างอึกทึกครึกโครม

เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เกิดเสียงหากต้องซ่อมแซมหรือต่อเติมบ้าน และถ้าคุณมีเพื่อนบ้านจอมป่วน อาจจะไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าให้เตรียมตัว และที่แย่ไปกว่านั้น คือ ยังดำเนินการกันช่วงเช้าตรู่หรือช่วงมืดค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาพักผ่อนด้วย


ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาเพื่อนบ้านเสียงดัง

1. หาตัวช่วยป้องกันเสียงดังเข้ามาในบ้าน
มีหลายวิธีที่จะช่วยป้องกันหรือลดความดังของเสียง ได้แก่

-    ใช้วัสดุดูดซับเสียง เช่น ผ้าม่านหนา ๆ พรมหนา ๆ แผ่นดูดซับเสียง และวอลเปเปอร์โดยเฉพาะชนิดหนาแบบโฟม ซึ่งจะช่วยซึมซับและลดทอนความดังของเสียงได้
-    ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์แบบบิวท์อิน การสร้างตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ และ/หรือชั้นวางของติดผนังห้องส่วนที่ติดกับเพื่อนบ้านนั้นสามารถลดทอนการหักเหของคลื่นเสียง ซึ่งส่งผลให้เสียงเดินทางเข้ามาในห้องได้น้อยลงมากทีเดียว
-    ปิดช่องโหว่ไม่ให้เสียงเข้ามา เลือกใช้หน้าต่างแบบที่ปิดสนิท เช่น หน้าต่างแบบบานปิดตาย บานเปิด หรือบานกระทุ้ง แต่ไม่ควรใช้หน้าต่างแบบบานเกล็ดและบานเลื่อน ซึ่งมีช่องว่างที่ทำให้เสียงเดินทางเข้ามาได้ สำหรับประตูนั้น ควรหาแผ่นโฟม แผ่นยาง หรือแผ่นซิลิโคนมาติดใต้ประตูเพื่ออุดช่องว่างระหว่างบานประตูกับพื้น
-    วางเตียงนอนและโต๊ะทำงานให้ห่างจากผนังหรือมุมห้อง ระยะห่างระหว่างเตียงหรือโต๊ะทำงานกับผนังจะช่วยลดทอนการถ่ายทอดเสียง จึงจะทำให้เสียงดังน้อยลง
-    ปลูกต้นไม้รอบบ้าน ต้นไม้ช่วยป้องกันหรือสะท้อนเสียงที่จะเข้ามาในบ้านให้ออกไปได้ ในกรณีที่อยู่อาศัยในคอนโด อาจตกแต่งคอนโดด้วยต้นไม้จริงที่ระเบียง และต้นไม้เทียมหรือต้นไม้จริงที่จะไม่แย่งออกซิเจนที่ผนังฝั่งที่ติดกับเพื่อนบ้าน


2. เจรจาขอความร่วมมือ

หากเสียงดังมากจริง ๆ จนตัวช่วยในข้างต้นไม่ได้ผลดี และดูแล้วเพื่อนบ้านน่าจะสามารถพูดคุยกันได้ ให้ลองแก้ปัญหาด้วยการเกริ่นถึงปัญหาเสียงดังที่เกิดขึ้น หากพอจะพูดคุยกันรู้เรื่อง ก็ขอให้เพื่อนบ้านช่วยลดเสียงหรืออย่าส่งเสียงดังยามวิกาลหรือในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมก็ลองพูดขอให้ลดเสียงหรืออย่าส่งเสียงดังยามวิกาลหรือในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม


3. ขอความช่วยเหลือจากนิติบุคคลกรณีคอนโดและหมู่บ้านจัดสรร

หากดูแล้วไม่น่าจะคุยกับเพื่อนบ้านได้ หรือได้ขอร้องกันดี ๆ แล้วไม่ได้ผล แก้ปัญหาเพื่อนบ้านเสียงดังนี้ได้โดยไปร้องเรียนกับนิติบุคคล ซึ่งมีหน้าที่ดูแลปัญหาภายในคอนโดหรือหมู่บ้านจัดสรรที่คุณอยู่อาศัย นิติบุคคลจะแจ้งเตือนและเข้าไปคุยกับเพื่อนบ้านของคุณเพื่อให้ลด ละ หรือเลิกการสร้างเสียงรบกวน


4. ขอความช่วยเหลือจากตำรวจ

แต่หากขั้นตอนที่ 1, 2 และ 3 ไม่ช่วยอะไร ลองจัดการปัญหาเพื่อนบ้านเสียงดังด้วยกฎหมาย ทั้งแพ่งและอาญา

-    ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 421 ผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นในด้านชีวิต ร่ายกาย อนามัย เสรีภาพ หรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้ ถือว่า เพื่อนบ้านได้ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อนอันมีผลต่อสุขภาพอนามัยและละเมิดสิทธิในการอยู่อาศัยอย่างสงบนั้น ศาลสามารถออกคำสั่งให้เพื่อนบ้านหยุดพฤติกรรมเสียงดังได้ และเพื่อนบ้านก็ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนหากเกิดความเสียหาย
-    ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 ผู้ที่ส่งเสียงดังอันไม่มีเหตุอันสมควรและทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อน มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และตามมาตรา 371 หากเป็นการส่งเสียงดังที่คุกคามต่อคนจำนวนมาก มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



ฉนวนกันเสียง ขั้นตอนแก้ปัญหาเพื่อนบ้านเสียงดัง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/

450
พาชมโครงการใหม่ I-Leaf Prime รามอินทรา-คู้บอน ทาวน์โฮมสไตล์ English Garden จาก Kanda Property ภายใต้แนวคิดการออกแบบบ้านอย่างยั่งยืนกับ ‘5 Kanda Concept’ บนทำเลที่เชื่อมต่อได้ทุกการเดินทาง ที่ตั้งโครงการอยู่ภายในซอยคู้บอน 38 ติดห้าง Jas Green Village เพียง 200 ม.*

รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์, ห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษา, โรงพยาบาล และแหล่งงานอย่างครบถ้วน ใกล้ทางด่วนหลัก 2 สาย และใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีคู้บอน ที่จะเปิดทดลองใช้งานประมาณ ส.ค. 66 นี้

ไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน ทาวน์โฮม 2 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 19 ไร่ จำนวนบ้าน 194 หลัง มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบบ้าน หน้าบ้านกว้าง 5.3 / 5.7 / 6.5 ม.* ที่ดินบ้านเริ่มต้น 18.9-29.3 ตร.ว. ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 119-144 ตร.ม.

ฟังก์ชันบ้าน 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ พร้อม 2 ที่จอดรถ ที่มีการลงเสาเข็มและยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน เพื่อป้องกันการทรุดตัวในอนาคต ส่วนหลังบ้านและลานซักล้างวางพื้นบนคาน หมดกังวลเรื่องการทรุดตัว

ทั้งยังออกแบบบ้านให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุ, ห้องทำงาน หรือห้องอเนกประสงค์ในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อรองรับการใช้งานได้ทุกช่วงวัย

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน อาทิ คลับเฮาส์, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก, พื้นที่สวนสีเขียว, ระบบ Easy Pass ในการเข้า-ออกโครงการ, CCTV พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. ในราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท* พร้อมของแถมหลายรายการ* (มิ.ย. 66)


ชื่อโครงการ            ไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน / I-Leaf Prime Ramintra-Kubon
เจ้าของโครงการ    บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด / Kanda Property
ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 2 ชั้น
พื้นที่โครงการ    ประมาณ 19 ไร่
จำนวนบ้าน            194 หลัง
เนื้อที่บ้าน            เริ่มต้น 18.9-29.3 ตร.ว. ขึ้นไป
พื้นที่ใช้สอย            เริ่มต้น 119-144 ตร.ม.
จำนวนห้อง             4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ
ที่จอดรถทั้งหมด    2 คัน
โซน    รามอินทรา-คู้บอน

เส้นทางคมนาคม    

    ถนนคู้บอน : 550 ม.
    ถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯ : 1.1 กม.
    ถนนเลียบคลองสอง : 1.5 กม.
    ถนนพระยาสุเรนทร์ (ซอยรามอินทรา 109) : 1.5 กม.
    แยกคู้บอน : 3.6 กม.
    ถนนรามอินทรา : 3.6 กม.
    ถนนปัญญาอินทรา : 3.7 กม.
    ถนนหทัยราษฎร์ : 4.7 กม.
    ถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก (ต่างระดับรามอินทรา) : 5.7 กม.
    ทางพิเศษฉลองรัช ด่านจตุโชติ : 7 กม.
    รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีคู้บอน : 4.3 กม.

ที่ตั้ง                    ซอยคู้บอน 38 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. 10510
กำหนดการ            เปิดขายครั้งแรก 3 มิ.ย. 66
ปีที่สร้างเสร็จ    n/a
ราคา                   เริ่มต้น 2.89 ล้านบาท* (มิ.ย. 66)
ค่าส่วนกลาง    900 บาท/หลัง/เดือน

สถานที่สำคัญใกล้เคียง    ศูนย์การค้า

    JAS Green Village : 200 ม.
    Max Valu คู้บอน : 850 ม.
    Lotus’s เลียบคลองสอง : 2.8 กม.
    ปัญญา มาร์เก็ต : 4.1 กม.
    The Alley รามอินทรา : 4.3 กม.
    The Promenade, Fashion Island : 4.6 กม.
    Big C Food Place หทัยราษฎร์ : 5.5 กม.
    Lotus’s นวมินทร์ : 5.6 กม.
    Amorini : 6.5 กม.
    Chic Republic รามอินทรา : 7 กม.
    Makro รามอินทรา : 8.8 กม.
    เพลินนารี่มอลล์ : 8.9 กม.
    Big C สุวินทวงศ์ : 9.8 กม.
    Uniqlo Roadside มีนบุรี : 10 กม.

ตลาด ร้านสะดวกซื้อ และอื่น ๆ

    ตลาดนัดสี่แยกพระพรหมคลองสอง : 2.2 กม.
    ตลาดนายใหญ่ : 2.7 กม.
    อิชิบะ สเตชั่น, ตลาดมิ่งมิตร : 3.4 กม.
    Lotus’s Go Fresh คู้บอน : 3.4 กม.
    Big C Market คู้บอน : 3.6 กม.
    Big C Mini ซาฟารี : 3.8 กม.
    กม.8 เพลส : 3.9 กม.
    ตลาดสายเนตร : 3.9 กม.
    ตลาดมโนรมย์ 4 : 3.9 กม.
    สามวาพลาซ่า : 4.3 กม.
    ตลาดเคหะชุมชนรามอินทรา (ตลาดนัดกีบหมู) : 5.1 กม.
    ตลาดหทัยมิตร : 5.4 กม.
    ทรีบิท พลาซ่า : 6.9 กม.
    ตลาดสุวรรณเกลียวทอง หทัยราษฎร์ : 7.5 กม.
    จตุจักรมีนบุรี : 10.5 กม.

สถานศึกษา

    รร.โสมาภาพัฒนา : 4.1 กม.
    ว.บริหารธุรกิจและการท่องเที่ยว (BCBAT) : 4.2 กม.
    รร.นานาชาติร่วมฤดีวิเทศศึกษา เออร์ลี่เยียรส์ แคมปัส : 4.3 กม.
    รร.สาธิตพัฒนา : 5.6 กม.
    รร.สายอักษร : 5.6 กม.
    รร.นวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย : 6.1 กม.
    รร.โชคชัยหทัยราษฎร์ : 6.9 กม.
    รร.อินเตอร์เนชั่นแนลเกวลี (หทัยราษฎร์) : 7.6 กม.
    รร.สารสาสน์วิเทศนิมิตใหม่ : 8.4 กม.
    รร.เศรษฐบุตรบำเพ็ญ : 9 กม.
    รร.ภูมิสมิทธ์ : 9.1 กม.
    รร.เอกบูรพาวิเทศศึกษา : 10.9 กม.

ศูนย์การแพทย์

    รพ.อินทรารัตน์ : 4.1 กม.
    รพ.สินแพทย์ รามอินทรา : 6.3 กม.
    รพ.พญาไท นวมินทร์ : 5.6 กม.
    รพ.นพรัตนราชธานี : 6.3 กม.
    รพ.สินแพทย์ เสรีรักษ์ : 9.7 กม.
    รพ.นวมินทร์ : 9.9 กม.
    รพ.นวมินทร์ 9 : 10.1 กม.

อาคารสำนักงาน และหน่วยงานอื่น ๆ

    Honda R&D Asia Pacific Co., Ltd : 2.1 กม.
    สำนักงานเขตคลองสามวา : 3.6 กม.
    ซาฟารีเวิลด์ : 4.3 กม.
    สนามกอล์ฟ ปัญญาอินทรา : 5.1 กม.
    สวนสยาม : 7.5 กม.
    นิคมอุตสาหกรรมบางชัน : 10 กม.
    สำนักงานที่ดินฯ สาขามีนบุรี : 11.2 กม.

**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
สิ่งอำนวยความสะดวก    

    คลับเฮาส์
    ฟิตเนส
    สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก
    สวนสาธารณะ
    ระบบ Easy Pass ในการเข้า-ออกโครงการ
    กล้องวงจรปิด CCTV
    ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.


ไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน ทาวน์โฮมสไตล์ English Garden อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

หน้า: 1 ... 28 29 [30] 31 32 33