เทคนิคการขาย, เทคนิคการตลาด, เพิ่มยอดขาย, deeple AI Chatbot, แชทบอท, เครื่องมือการตลาด, การตลาด 5.0
ในโลกธุรกิจ หนึ่งในแนวคิดที่นักการตลาดส่วนใหญ่ใช้เพื่อประสบความสำเร็จเรียกว่า “กลยุทธ์การตลาด 1.0 ถึง 5.0” ซึ่งเขียนขึ้นโดยนักการตลาดชื่อดังชาวอเมริกัน
ปัจจุบันเป็นยุคการตลาด 5.0 ซึ่งสาระสำคัญอยู่ที่การรับมือกับผู้บริโภคเจเนอเรชั่นใหม่ (เจน Z และ Alpha) ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีขึ้น
แนวคิดการตลาด 5.0 แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ การทำการตลาดด้วยข้อมูล, Agile, การคาดการณ์อนาคต, การใช้เทคโนโลยี AI และการทำการตลาดจากบริบทรอบตัวของผู้บริโภค (Context)
คนทำธุรกิจออนไลน์และนักการตลาดสามารถนำแนวคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้เข้ากับวิธีการทำธุรกิจแบบเดิม เพื่อช่วยให้เข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น และขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ไกลกว่าเดิม
เพราะในโลกของการซื้อ-ขายออนไลน์นั้นมีผู้บริโภคอยู่หลายเจเนอเรชั่น ซึ่งตามมาด้วยความต้องการและโจทย์การขายที่หลากหลาย สิ่งหนึ่งที่ทั้งคนทำธุรกิจและนักการตลาดต่างให้ความสนใจก็คือเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยอย่างรวดเร็ว
กลยุทธ์การตลาดที่หลายคนให้ความสนใจและยึดเป็นแกนหลักในการพัฒนาธุรกิจที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย มาจากหนังสือของ Philip Kotler นักเขียนและนักการตลาดชื่อดังชาวอเมริกัน ซึ่งมีตั้งแต่การตลาดยุค 1.0 ถึง 4.0 และมาถึงยุคปัจจุบันที่เรียกว่า การตลาด 5.0 วันนี้เราได้หยิบเอาสาระสำคัญบางส่วนจากแนวคิดการตลาดยุค 5.0 ที่เป็นประโยชน์ต่อคนทำธุรกิจออนไลน์ รวมถึงนักการตลาด ไปดูพร้อมกัน
การตลาด 1.0–5.0 มีอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจสั้น ๆ ก่อนว่าแนวคิดการตลาดที่ผ่านมาตั้งแต่ยุค 50s หรือยุค Baby Boomers มาจนถึงยุคปัจจุบันที่เทรนด์ผู้บริโภคถูกขับเคลื่อนด้วยคนเจเนอเรชั่น Y, Z และ Alpha นั้น กลายมาเป็นกลยุทธ์การตลาดตั้งแต่ยุค 1.0 จนถึง 5.0 ได้อย่างไร
การตลาด 1.0 เน้นเรื่องคุณภาพของสินค้า โดยพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตอบความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจให้มากที่สุด
การตลาด 2.0 เน้นเจาะจงผู้บริโภคเป็นกลุ่ม โดยมองตลาดของสินค้าแต่ละชนิดให้แคบลงและมุ่งไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำอีก
การตลาด 3.0 เน้นเรื่องมนุษย์เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจต้องใส่แนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมเข้าไปในสินค้าและบริการ
การตลาด 4.0 เน้นการเปลี่ยนผ่านช่องทางการสื่อสาร จากช่องทางดั้งเดิมไปยังช่องทางดิจิทัล และการสรา้ง Omnichannel ให้กับธุรกิจ
การตลาด 5.0 เน้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่มวลมนุษยชาติ ด้วยการใช้เทคโนโลยีและข้อมูล (Data) เข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างประสบการณ์ (Customer Experience) ที่ดีขึ้น
ซึ่งในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าแนวคิดการตลาดทั้ง 5 รูปแบบยังคงถูกนำมาประยุต์ใช้อยู่ในธุรกิจทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกัน เทรนด์การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างในกลยุทธ์การตลาด 5.0 ก็ยิ่งเริ่มมีอิทธิพลต่อคนทำธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเราไปศึกษาแนวคิดนี้พร้อม ๆ กัน
แนวคิดการตลาด 5.0 ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในแวดวงกรตลาด
อย่างที่เราได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ หัวใจสำคัญของการตลาด 5.0 ก็คือ “การเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ตอบโจทย์ผู้บริโภคเจเนอเรชั่น Z ที่เกิดและเติบโตมาพร้อม ๆ กับเทคโนโลยี โดยสาระสำคัญของการตลาดยุค 5.0 แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ดังนี้
1. Data-Driven Marketing
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการตลาดยุคใหม่ นอกจากการที่ธุรกิจรู้ว่าผู้บริโภคคือใครแล้ว สิ่งที่สร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจคือ “ความเข้าใจผู้บริโภค” จากการเก็บข้อมูลเชิงลึกจากที่ต่าง ๆ เช่น สื่อโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มซื้อ-ขาย มาวิเคราะห์ว่าผู้บริโภคชอบอะไร ต้องการอะไร และมีแรงจูงใจอะไรในการตัดสินใจซื้อสินค้าแต่ละครั้ง นำไปสู่การทำการตลาดและพัฒนาบริการที่ตอบความต้องการผู้บริโภคได้หลายมิติมากขึ้น
2. Agile Marketing
แนวคิดการตลาดนี้เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคที่เทรนด์ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการนำพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคไปผ่านกระบวนการคิดและสร้างแคมเปญการตลาดอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ โดยมีเป้าหมายและการวัดผลที่ชัดเจน ซึ่งเทคนิคการตลาดแบบนี้ช่วยให้ธุรกิจออกแคมเปญได้เร็วขึ้นถึง 26% รวมถึงสามารถเพิ่มยอดขายและลดต้นทุนการทำการตลาดลงไปได้อีกด้วย
3. Predictive Marketing
หากแปลอย่างตรงตัว Predictive Marketing ก็คือการตลาดแบบคาดการณ์ล่วงหน้า โดยธุรกิจทำงานต่อยอดจากข้อมูลที่มีในมือ โดยการวิเคราะห์จากพฤติกรรมและความชอบ (Customer Insight) และคาดการณ์ล่วงหน้าถึงความต้องการของลูกค้าและนำไปจัดเป็นแคมเปญรวมถึงพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น
3. Augmented Marketing
อย่างที่รู้กันว่าการตลาด 5.0 มีหัวใจสำคัญคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาให้ชีวิตง่ายขึ้น ซึ่งขาดไม่ได้เลยก็คือเทคโนโลยีเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ Machine Learning ที่ต่อไปเราจะได้เห็นการนำเข้ามาผสมผสานการทำงานของมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อพัฒนาแก้ปัญหาสินค้าและบริการ ให้สามารถสร้างประสบการณ์ (Customer Experience) ที่ดี และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
และนอกจากนี้เทคโนโลยี AI ยังเป็นเครื่องมือการตลาดที่มีผลต่อการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาสร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น ตัวอย่างที่เราเห็นกันได้ในปัจจุบัน เช่น แชทบอทบางประเภทที่สามารถเสนอขายสินค้าและโปรโมชันได้ตามพฤติกรรมการซื้อและความชอบของลูกค้าได้นั่นเอง
5. Contextual Marketing
เทคนิคการตลาดนี้ใช้การทำความเข้าใจผู้บริโภคผ่านข้อมูล โดยรู้ว่าลูกค้าคนนี้ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร และยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเรียนรู้ไปถึงบริบทรอบ ๆ ตัวของผู้บริโภค เช่น เปิดรับสื่ออะไรในช่วงเวลาไหน ก่อนซื้อสินค้ามีการหาข้อมูลจากช่องทางไหน ไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ชอบซื้อของที่ไหน ออกไปช็อปปิ้งช่วงไหนของสัปดาห์ เพื่อให้สามารถนำมาวิเคราะห์ Customer Journey เพื่อกระตุ้นความต้องการได้อย่างถูกจุด และมีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น
จากที่ได้เล่ามาทั้งหมด จะเห็นว่าเราเริ่มได้เห็นการปรับใช้กลยุทธ์การตลาด 5.0 เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า พร้อมกับการลดเวลา ลดการใช้คนและลดต้นทุนลงเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าเป็นเรื่องปฎิเสธไม่ได้ว่าในการทำธุรกิจยุคนี้โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ (E-Commerce) การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อให้ธุรกิจตามทันทุกเทรนด์ จะกลายเป็นเรื่องจำเป็นและไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป
มองเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตและเดินตามทันความเปลี่ยนแปลง ด้วยบริการ AI Chatbot และระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่พัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างแตกต่าง
โดยเรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนขายของออนไลน์มีเครื่องมือการตลาด ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดเวลา และลดงานคนขายออนไลน์ ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอขาย ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า รวมถึงผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้รับประสบการณ์การซื้อที่ดีกว่าเดิม ด้วยฟีเจอร์เด่น เช่น
AI Human Conversation: เทคโนโลยี AI ที่เทรนด้วย Deep Learning ทำให้แชทบอทตอบข้อความได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเดาคีย์เวิร์ด ไม่ต้องสร้างคำถามคำตอบ ก็ปิดการขายได้จริง ช่วยประหยัดเวลาในการติดตั้ง และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
AI Visual Product Search: เทคโนโลยี AI ค้นหาสินค้าด้วยรูปภาพ เมื่อลูกค้าส่งรูปภาพสินค้าเข้ามา AI จะค้นหาสินค้าในสต็อกจากรูปทรง ลาย และสี แล้วตอบกลับได้อย่างแม่นยำ ทำให้ทุกการซื้อ-ขายสะดวกยิ่งขึ้น
AI Upsell Intelligence: เทคโนโลยี AI เสนอขายสินค้าและโปรโมชันตามพฤติกรรมลูกค้า เสนอขายสินค้าเพิ่มทันที เมื่อลูกค้าเปิดออเดอร์ที่มีจำนวนสินค้าหรือราคาใกล้เคียงกับโปรโมชัน ทำให้มีโอกาสเพิ่มยอดขายในแต่ละออเดอร์
Sales Analytics: ระบบวิเคราะห์การขายและพฤติกรรมลูกค้า รายงานผลการขายและพฤติกรรมลูกค้าเชิงลึกแบบ Real-Time ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
เทรนด์การตลาด 5.0 ยุคที่ “เทคโนโลยี” คือหัวใจธุรกิจ และ “ใครปรับตัวก่อนชนะ” อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/