ผู้เขียน หัวข้อ: งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์ ขับ OMODA C5 EV ไปลอง JAECOO 6 EV แบบ Off-road ลุยสบายขับดี  (อ่าน 13 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 973
  • จำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรมและสินค้าอุตสาหกรรม
    • ดูรายละเอียด
งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์ ขับ OMODA C5 EV ไปลอง JAECOO 6 EV แบบ Off-road ลุยสบายขับดีเกินคาด!!

ถ้าไม่นับเรื่องของแบรนด์จีนน้องใหม่ (ในไทน) ทั้ง OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV เป็นรถที่ขับดีเกินคาดทั้งคู่ และสมรรถนะที่ไม่แพ้รถญี่ปุ่นบางรุ่นในระดับเดียวกัน!

เดี๋ยวจะหาว่าอวยเพราะรับเงิน แต่เปล่าเลยครับ งานนี้ทำฟรีครับ และรถเค้าดีเกินคาดจริง ๆ ครับ!

อี๋....ลุยดินหนังหมูมาเละเลย
เปิดหัวมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นรถที่ดีี่สุดในระดับเดียวกัน เพียงแต่ว่า เกิดความคาดหวังไปมาสำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ โดยเฉพาะ JAECOO 6 EV ที่ให้สมรรถนะในสไตล์ "Off-Road" ดีเกินคาด ซึ่งระบบในการลุยดีของเจคู่คันนี้ย่อมมาจากการได้รับความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีร่วมกันกับ RANDROVER นั่นเอง เพราะต่างก็มีหุ้มส่วนกัน จึงไม่แปลกใจเลยที่การลุยของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ถึงลุยดี ลุยได้สบาย พร้อมกับระบบที่ฉลาดมาก ๆ จริง ๆ ครับ

นอกจากนี้เจ้า OMODA C5 EV ก็ถึอเป็นรถที่ขับขี่ได้ดีเกินคาดอีกรุ่นเช่นกัน โดยในทริปนี้จะเป็นการขับจากจุดสตาร์ท Crystal park เลียบทางด่วนรามอินทรา มุ่งหน้าสนามออฟโร้ด สนามสปิริท แอดเวนเจอร์ (Spirit Adventure Ground) นครนายก ด้วย OMODA C5 EV ไปกลับสลับกันขับ 2 คนต่อ 1 สื่อ และเมื่อถึงสนามฯ ก็เปลี่ยนไปลองขับ JAECOO 6 EV เพื่อลงสนามออฟโร้ดและขับลงถนนทางเรียบเส้นทางรอบ ๆ พอสัมผัสได้สั้น ๆ ว่าขับดีขนาดไหน!
 
ในบทความนี้อาจจะเน้น JAECOO 6 EV เป็นหลักแต่ในคลิปวิดีโอรีวิวจะมัดรวมทั้ง 2 รุ่นแบบจัดเต็มยาว ๆ เลยครับ
 
JAECOO เกิดมาเพื่อ Off-ROAD

JAECOO 6 EV Long Range 4WD กับราคาคาดการณ์ 1,249,000 บาท ได้จัดให้สื่อทดสอบการทำงานขับเคลื่อน i-WD ที่กระจายแรงไปยัง 4 ล้อในโหมดการขับขี่ต่างๆ การทดสอบ Ground Clearance ระดับความสูงของตัวรถ ด้านหนังและหลังมีมุมปีนหรือมุมจาก Overhang สั้น และพื้นผ่านการลุยน้ำที่สูงถึง 60 เซนติเมตรได้อย่างปลอดภัย สมรรถนะของรถในส่วนของการทรงตัวรถ การควบคุมความเร็ว การขับลงเนินลาดชัน และความนุ่มนวลของช่วงล่าง บนพื้นถนนรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง On-Road และ Off-Road  รวมไปถึงประสบการณ์ทดลองใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของตัวรถ ทั้งระบบเสียง เบาะคนขับและผู้โดยสาร ที่มีระบบความปลอดภัยครบถ้วนและใช้งานง่าย เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่
 
แต่ลึก ๆ แล้ว มันถูกตั้งใจออกแบบมาเพื่อการลุยอย่างจริงจัง เพราะจากการได้ทดลองขับขี่บนทางดินแบบออฟโร้ด ทั้งการขับผ่านร่องดินโคลนที่ฝนเพิ่มตกไปทำให้มีความลื่อนเป็นระดับ "หนังหมู" หากดูลักษณะเส้นทางแล้วน่าจะควบคุมรถได้อยากมาก แต่เมื่อใช้แค่โหมดออฟโร้ด All ROAD เพียงโหมดเดียวสามารถลัยไปได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องใช้ทักษะมากมายนัก เพียงประคองให้รถอยู่ในเส้นทางที่จะไปเท่านั้น ระบบควบคุมประจายกำลังทั้ง 4 ล้อ จะทำงานให้อัตโนมัติ ทั้ง เบรก หยุดล้อที่หมุนฟรี ส่งกำลังเพิ่มไปยังล้อที่ติดพื้น ผู้ขับเพียงเติมคันเร่งเบา ๆ รถก็ออกจากอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดายครับ

การขับขี่ในสนามแห่งนี้มีทั้งปีนขึ้นทางชั่นที่สภาพทางดินโคลนเปียกลื่น ๆ และปีกเนินเอียง รวมถึงผ่านช่วงที่มีโคลนเละ ๆ ลึกมาก ๆ แม่ว่าผู้ขับขี่จะปรับมายังโหมด Slippery ซึ่งโหมดนี้จะยังต้องใช้ทักษะพื้นฐานติดตัวที่มีอยู่บ้าง แต่ระบบก็สามารถช่วยเหลือและขับผ่านไปได้แบบง่ายมากจนรู้สึกได้ว่า แม้คุณจะไม่เคยขับสไตล์ออฟโร้ดมาก่อน หากเจอสถานการณ์เช่นนี้เพียงเลือกโหมดที่ต้องการ เช่น Slippery หรือ All Road ก็สามารถขับผ่านไปได้สบาย ๆ ครับ 
 
ลุยน้ำสูงเกือบ 60 ซม. เป็นเรื่องง่าย เมื่อขับผ่านบ่อน้ำจำลองของสนามแห่งนี้มีความลึกราวกว่า 50 ซม. ผ่านสบาย ๆ ครับ และที่สำคัญแบตฯ มีระบบซีลกันน้ำอย่างดี และไม่ต้องเรื่องระบบสายไฟช็อตเพราะผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย และยังหมดห่วงน้ำเข้ากรอกอากาศเพราะ "ไม่มีครับ" 55555 และสุดท้ายต้องบอกว่าการขับลุยครั้งนี้ใช้ยางเดิมติดรถหรือยาง H/T ทั่วไปจากแบรนด์ GITI อีกด้วย แต่กลับขับลุยภาพผิวเส้นทางแบบนี้ได้แบบงง ๆ
 
สรุปโดยรวมการลุย Off-Road

JAECOO 6 EV Long Range 4WD โดดเด่นเรื่องรูปทรงกล่อง ตัวถังอลูมิเนียมลดน้ำหนักตัวลงกว่า 30% ใต่ท้องสูงพอตัวขับผ่านเนินชันเนินสลับสบาย ๆ ส่วนหัวและท้ายสั้น หมดห่วงเรื่องมุมปีนและมุมจากเวลาเข้าป่า ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในทางออฟโร้ดทำงานได้ดี มั่นใจในเทคโนโลยีเดียวกับใน Off Road Premium RandRover ลุยได้สบาย พละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดดี มาเต็ม ไม่รอรอบ ทำให้การขับขี่ผ่านเนินหรือทางชันง่ายไม่ต้องลุ้น แต่ก็มีข้อควรระวัง เนื่องจากเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูงและไม่รอรอบ เหยียบปุ๊ปมาปั๊ป ผู้ขับต้องกะน้ำหนักเท้าให้พอดีกับกำลังที่ใช้ในการขับผ่านอุปสรรคนั้น ๆ หากกดคันเร่งมากไปอาจะทำให้ล้อหมุนหรือรถเคลื่อนที่เร็วเกินไป แต่...!!! ไม่ต้องกลัวถ้าใช้งานในโหมดออฟโร้ดต่าง ๆ ของรถ ก็จะช่วยปลอดภัยมากขึ้น
 

 
ทางเรียบก็ดีเกินคาด (อีกแล้ว)

เห็นทรงกล่องเหลี่ยมจัดแบบนี้ลุยออฟโร้ดได้ดีเกินคาดจะขับบนทางดำหรือทางเรียบทั่วไปแล้วจะแย่ไหม? ยอมรับว่าแรก ๆ ก็คิดแบบนี้เลยครับ แต่หลังจากขับออกถนนปกติ อ่าวทำไมขับสบายจัง พลังมอเตอร์ไฟฟ้าแรงเหลือ ๆอยูแล้ว แต่เรื่องของความสบายในการขับขี่ เช่น น้ำหนักพวงมาลัยที่ปรับระดับได้ 3 ระดับ ความแม่นยำและคมกระชับของพวงมาลัยที่เลี้ยวได้ตามมือ คล่องตัวด้วยขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่จนเทอะทะขนาดราว ๆ ATTO 3/CR-V เจนที่แล้ว/Corolla Cross ประมาณนี้ครับ
ช่วงล่างที่ต้องจึ้ง!...อีกรอบ ให้ความแน่น หนึบ กระชับ เกาะและเงียบพอตัว (ขับในความเร็วกลาง  ๆ นะครับ เพราะเวลาจำกัดไปได้ใกล้ ๆ เท่านั้น) วิสัยทัศน์โปร่งโลางสบาย หลังคาสูงไม่อึดอัด ระบบเบรกนุ่มเท้าคล้ายรถสันดาปทั่วไปเลย และระบบความปลอดภัยจะกเต็มด้วย ADAS ที่มาแบบครบ ๆ

การใช้งานภายในแบบที่ว่า โดดขึ้นมาขับทันทีไม่มีลองใด ๆ ก่อนขับ ยอมรับว่าการปรับฟังก์ชั่นต่าง ๆ ยังคงต้องใช้งานบนจอกลาง แม้จะมีขนาดใหญ่ 15.5 นิ้ว แต่การที่ไม่มีเวลาลองเล่นดูก็จะทำให้ใช้งานลำบากพอสมควรครับ เช่น การปรับกระจกมองข้างนั้น จะต้องเข้าหน้าจอกลางและหาอยู่นานกว่าจะเจอเมนูที่ให้ปรับได้ และการปรับก็ยังกลับมาใช้สวิตล์ที่นั่วโป้งซ้ายหรือขวาบนพวงมาลัยอยู่ดี อ่าว !!! แทนที่จะแยกสวิตล์ออกมาที่แผงข้างประตูหรือที่อื่นๆปเลยครับ

หรือการเลือกโหมดขับขี่บางอย่างก็ยังต้องเข้าไปหาเมนูในจอกลาง แต่ถ้ามีการใช้จนคล่องแล้วอาจจะไม่ใช่ปัญหา ยิ่งผู้ซื้อไปขับแล้วหากมีเวลาเล่นจอสัก 1-2 วันผมว่าก็เข้าใจและใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญเลยครับ
 
สรุปขับขี่ทางเรียบ

JAECOO 6 EV เหมือนเป็นรถที่อยากให้ขับในชีวิตประจำวันมากกว่า เพราะการขับขี่ที่สบาย การบังคับควบคุมพวงมาลัยที่คล่องตัว เหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ช่วงล่างที่ไม่ย้วยและยังแน่นหนึบเกินคาด ทำให้ขับบนทางดำไม่ต่างจากรถยนต์ SUV ทั่วไป แต่สุดท้ายแอบซ่อนความซนแสบเอาไว้ในโหมดของการลุยแบบ Off-Road  เอาไว้ให้ผู้ขับได้โลดแล่นผ่านเส้นทางท้าทาย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต หลีกหนีความจำเจ เหมือนซื้อ 1 ได้ถึง 3 คัน คือ รถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ SUV และ รถยนต์ Off-Road ในราคาล้านต้น

แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องของระยะทางวิ่งต่อชาร์จครั้งที่น้อยไป สำหรับรถสไตล์แบบนี้ขับในเมืองอยู่ดี ๆ อยากเที่ยวป่าเขา แต่ต้องไปจอดติดอยู่ที่ สถานนีชาร์จไฟ...ผ่าม! (กรณีไปเที่ยวไกล ๆ) โดยระยะทางที่ระบุไว้ 364 กม. WLTP ซึ่งเป็นหน่วยที่ใกล้เคียงการใช้งานจริง แต่เมื่อลองขับดูในครั้งนี้ หากขับขี่บนถนนทั่วไปน่าจะได้ระยะทางใกล้เคียงตามนี้จริง ๆ หรืออาจะบวกลบไม่เกิน 20 กม. เว้นขับขึ้นเขาหรือทางชันก็อาจจะต้องดูกันอีกทีครับ ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าระยะทางวิ่งจริงได้ประมาณ 400 กว่า ๆ กม.ขึ้รไปน่าจะเหมาะกับการใช้งานมากขึ้นไปอีกครับ
 
สรุปความคุ้มค่ากับราคา JAECOO 6 EV Long Range 4WD

JAECOO 6 EV Long Range 4WD นอกจากจะได้รถยนต์อเนกประสงค์ SUV ไฟฟ้าล้วนที่ให้สมรรถนะสูง ประหยัดไฟในระดับน่าพอใจแล้ว นะงได้เรื่องของระบบการขับขี่แบบ Off-Road ที่เทียบเท่ากับระบบการลุยในรถระดับพรีเมี่ยม แถมยังใช้งานง่าย ขับขี่ด้วยโหมดต่าง ๆ ได้สะดวกอีกด้วย ใต้ท้องที่ดูเหมือนไม่สูงนักแต่กลับลุยได้ระดับนี้ นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานและการขับขี่บนถนนทั่วไปก็ให้สมรรถนะการตอบสนองและความสะดวกสบายที่ไม่แพ้รถ SUV ระดับเดียวกัน นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อน 4 ล้อ หนึ่งเดียวในไทย ณ ปัจจุบัน ที่ราคาเหมาะสมกับระบบและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ได้มา
 
OMODA C5 EV กลมกล่มไม่มากไปน้อยไป 
 
ไปกันต่อ! กับ OMODA C5 EV Long Range Ultimate ราคา 949,000 บาท เป็นรถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่มาทีหลังและแม้จะไม่ใช่แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าแท้ ๆ แต่กลับทำออกมาได้ลงตัว กำลังดี ทั้งเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ความสะดวกสบายและความปลอดภัย และที่โดดเด่นน่าเรื่องของ "ดีไซน์" ภายในสวยสปอร์ตและโปร่งโล่งสบายตา น่าใช้งานมาก ๆ อีกหนึ่งรุ่นของรถยนต์จากประเทศจีนครับ

จุดเด่นที่สัมผัสได้จากการทดลองขับคือ สมรรถนะอันตราเร่งและระบบเบรกที่ แรงทันใจ คันเร่งมีความไว ตอบสนองรวดเร็ว โดยเฉพาะโหมด Narmal ส่วน Sport ก็ยิ่งเร่งได้กระชับกระเฉงมากขึ้นไปอีก สแต่ในโหมด Eco นั้นจะดูอืด ๆ ไปหน่อยเพราะต้องการความประหยัดในการใช้งานนั่นเอง แต่ก้มีสิ่งที่อาจจะต้องปรับตัวบ้างในเรื่องการใช้น้ำหนักคันเร่ง เนื่องจากมีระบบหน่วยความเร็วและชาร์จไฟกลับ ซึ่งโดยค่าเริ่มต้นจะเป็นระดับ 1 แต่กลับมีความหนืดมากพอสมควร มากกว่าการหน่วยงของรถยนต์สะนดาปทั่วไป ทำให้ผู้ขับจะต้องคอยเกร็งเท้าเมื่อยกหรือชะลอความเร็ว เพราะจะทำให้หัวทิ่มและคนนั่งอาจะเกิดอาการ "เมารภ" ได้ง่ายครับ
 
เมื่อปรับระดับความหน่วยไว้ 2 หรือ 3 นั้นแทบจะชลอรถความเร็วลงมาเพิ่มขึ้นไปอีก จึงต้องปรับตัวพอสมควร และการใช้ระดับที่  1 นับว่าขับสบายสุดแล้ว ส่วนระบบเบรกนุ่มเท้าไม่แข็งเกินไป เบรกง่ายและตื้น จนบางครั้งกดน้ำหนักแรงเกินไปอาจจะหน้าขมำได้ง่าย ๆ เช่นกัน อาจจะเป็นผลจากระหน่วงความเร็วที่ช่วยลดกำลังและชลอมากรวมกับการใช้น้ำหนักกดแป้นเบรกที่แรงเกินไปรวมกันด้วย จึงต้องปรับตัวเยอะสักหน่อยกว่าจะเข้าทีครับ
 
แต่...นั่นเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ที่เมื่อขับสักพักก็เริ่มชิน ความจริง OMODA C5 EV คันนี้มีความน่าสนใจคือ เรื่อวงของระยะทางที่วิ่งได้กับราคาและรถระดัลนี้นับว่า "คุ้มค่ามาก ๆ" ด้วยสมรรถนะมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ากำลังสูงสุด 204 แรงม้ากับแรงบิด 340 นิวตันเมตร ก็นับว่ามากและอยู่ระดับหัวแถวในกลุ่มราคาระดับเดียวกันแล้ว แต่ให้ระยะทางกขับขี่มาถึง 430 กม. WLTP (505 กม. NEDC) นับว่าเพียงต่อการใช้งานมั่วไปได้สบาย ๆ ซึ่งหากใช้งานจริง ๆ แล้วอาจจะบวกลบอีกราว ๆ 20 กม. นับว่าคุ้มค่าแล้ว เพราะตัวรถขนาดกลางยกสูง น้ำหนักมาก แถมด้วย พละกำลังระดับนี้ขับสนุกแน่นอน จึงทำให้ระยะทางย่อยลดลงตามปกติ ส่วนใครที่สามารถขับได้ใกล้เคียงหรือมากกว่า แสดงว่าเป็นคน "เท้าเบา" มาก ๆ เลยครับ 

ก่อนเดินทางแบตฯ 98% ระยะทาง 420 กม.
จากการขับขี่เริ่มต้นที่ Crystal Park เลียบทางด่วนถึงสนามสนามสปิริท แอดเวนเจอร์และกลับจุดเริ่มต้นพบว่า ระยะทางที่ใช้ไปราว ๆ 237 กม. นั้น ใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้จาก 430 กม. นั่นคือ ระยะทางบนมาตรวัดคงเหลือ 202 กม. ระดับแบตเตอรี่คงเหลือ 47% จากตอนตอนเริ่มต้น 98% ระยะวิ่งได้ 420 กม.  หากคิดแบบง่าย ๆ นั่นคือ 420 - 237 กม. คงเหลือ 183 กม. แต่บนมาตรวัดแสดงเป็น 202 กม. หมายถึงระยะทางวิ่งจริงอาจจะได้มากถึง 439 กม. เลยครับ (เป็นประมาณการและขึ้นกับสภาพการขับขี่ด้วย) 

สิ้นสุดเดินทางแบตฯ 47% ระยะทางคงเหลือ 202 กม. ขับจริง 237 กม.
ระบบความปลอดภัยฟังก์ชั่นของ ADAS ครบถ้วน ทั้งเตือนออกนอกเลน เตือนชนด้านหน้า เตือนเมื่อถอยหลัง เตือนมุมอับสายตา ระบบช่วยเหลือเมื่อเปลี่ยนเลน เป็นต้น โโยการทำงานบางระบบเนียนมาก ๆ แต่บางระบบเช่นเตือนออกนอกเลนจะมีอาการดึงแรง ๆ อยู่บ้างบางครั้ง ขึ้นกับสภาพการจราจรหรือระยะห่างของรถด้านข้างอีกด้วย สิ่งที่ทั้งรักทั้งเกลียดอีกอย่างคือ ระบบ "ตรวจจับความเหนื่อยล้าผู้ขับขี่" พอขึ้นคำเตือนทีสะดุ้งเลยครับ!!!

 
สรุปความคุ้มค่ากับราคา 949,000 บาท
 
OMODA C5 EV Long Range Ultimate มาพร้อมราคาน่าสนใจที่ 949,000 บาท นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง B-Segment ที่ให้ทั้งสมรรถนะ ความปลอดภัย กว้างขวาง สะดวกสบาย ในราคาไม่ข้ามล้านแถมยังวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าหรือเท่กับรถระดับล้านกว่าบาทบางรุ่น เช่น JAECOO 6 EV ของตัวเองอีกด้วย เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันในเมืองสบาย ๆ หรือจะออกต่างจังหวัดก็มีระยะวิ่งที่เผื่อเหลือเผื่อขาดได้อีกหน่อย ช่วงล่างนุ่มนวลแต่ไม่ถึงกับยวบมากเกินไป กำลังเกินพอต่อการใช้งาน C5 EVคันนี้น่าจะถูกใจชาว EV car ที่หลงไหล SUV เพื่อครอบครัวประหยัดและได้สมรรถนะเกินราคาอีกด้วยครับ
 
สำหรับผมเองนั้น หากไม่นับเรื่องแบรนด์ที่ยังใหม่ในไทยนะครับ ตัวรถเอง ระบบต่าง ๆ รวมถึงสมรรถนะนั้น ดีเลยครับกับระดับราคานี้ นับว่าใหม่สดและได้ทั้งพลกำลัง ระยะทางวิ่งเยอะกว่าระดับเดียวกันหลายรุ่นเลยและเป็นรถยกสูง SUV ที่เป็นรถหลักของบ้านก็ย่อมได้ และยังพอมีสวิตช์ควบคุมที่แยกออกมาจากจอให้ใช้งานสะดวกอยู่บ้าง เช่น สวิตช์การปรับกระจกมองข้างยังอยู่แผงควบคุมฝั่งคนขับ หรือแม้ว่าการใช้เบรกมือไฟฟ้า Auto Hold บนจอก็ยังใช้งายแค่ปัดลงเท่านั้น นับว่ายังใช้งานไม่ยุ่งยากมากเกินไปครับ
 

OMODA & JAECOO by Chery ค่ายยักษ์ไหญ่ในจีน

Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน Chery มุ่งมั่นเสมอว่าจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ระดับโลกที่มีบุคลากรมากกว่า 5,500 คน และก่อตั้งเทคโนโลยีองค์รวมและระบบ R&D ของผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีนี้ Chery ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เช่น Arrizo, Tiggo และแบรนด์ EXEED ระดับไฮเอนด์ โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 9.5 ล้านคัน
 
Chery เป็นที่รู้จักในชื่อ “Technological Chery" นับตั้งแต่การก่อตั้งเพื่อที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเป็นหลัก หลังจากกว่า 20 ปีที่ได้ศึกษาในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ Chery ได้สร้างความเป็นผู้นำด้วยแพลตฟอร์มประกอบรถยนต์สี่แห่ง ระบบย่อยทั่วไปห้าระบบ และ 7 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่  New Energy Vehicle Integration (การบูรณาการยานพาหนะพลังงานใหม่), Vehicle Control Technology (เทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ), Battery Management and Battery System Design (การจัดการแบตเตอรี่และการออกแบบระบบแบตเตอรี่), PHEV System Design (การออกแบบระบบ PHEV), Lightweight Technology (เทคโนโลยีน้ำหนักเบา), Intelligent Interconnection Design (การออกแบบการเชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ) และ Range Extension and Hydrogen Fuel Technology (เทคโนโลยีการขยายระยะและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน)
 
ในด้านการผลิตอัจฉริยะ Chery ได้เปิดตัวกลยุทธ์ "CHERY LION" โดยค่อยๆ ศึกษาถึงต้นแบบอัจฉริยะครบวงจรของการวิจัยและพัฒนา การผลิต การตลาด และการบริการ ตลอดจนบรรลุการผลิตจำนวนมากและการเปิดตัว L2.5 เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ สำหรับการขยายตลาดทั่วโลก Chery เป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน Chery ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกครอบคลุม 80 ประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ 10 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง มีผู้ใช้เกือบ 10 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้จำนวน 1.95 ล้านคนนอกประเทศจีน นอกจากนี้ Chery ยังครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน