ลงประกาศ ฟรีเวบบอร์ด รองรับ youtube
หมวดหมู่ทั่วไป => เครื่องจักรอุตสาหกรรม โพสฟรีงานอุตสาหกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2025, 23:02:13 น.
-
หมอประจำบ้าน: กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) (https://doctorathome.com/)
กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) คือภาวะที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียและเกิดการอักเสบขึ้นที่บริเวณกรวยไตและเนื้อเยื่อไต ซึ่งเป็นโรคที่มีความรุนแรงกว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบ และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือภาวะไตวายได้
สาเหตุหลักของการเกิดโรค
สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียลุกลามจากส่วนล่างของระบบทางเดินปัสสาวะขึ้นไปยังไต:
1. การติดเชื้อลุกลามจากกระเพาะปัสสาวะ: เชื้อแบคทีเรีย (ส่วนใหญ่คือ E. coli) มักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ แล้วลุกลามไปที่กระเพาะปัสสาวะ (ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ) จากนั้นเชื้อจะเดินทางผ่านท่อไตขึ้นไปถึงกรวยไตและเนื้อไต
2. พฤติกรรมเสี่ยง: การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีในกระเพาะปัสสาวะ และเพิ่มโอกาสที่เชื้อจะย้อนกลับขึ้นไป
3. ความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ: ภาวะอุดกั้น เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต (ในผู้ชาย) หรือความผิดปกติแต่กำเนิดของระบบทางเดินปัสสาวะ จะขัดขวางการไหลของปัสสาวะและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
4. การติดเชื้อผ่านกระแสเลือด: พบได้น้อย โดยเชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายจากส่วนอื่นของร่างกายมายังไตทางกระแสเลือด
อาการที่สำคัญ
อาการของกรวยไตอักเสบมักจะรุนแรงและเกิดอย่างเฉียบพลัน โดยมักมีอาการของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างร่วมด้วย:
กลุ่มอาการ ลักษณะอาการ
อาการทั่วไป/ไข้ ไข้สูง (เกิน 38C), หนาวสั่น, อ่อนเพลีย, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้, อาเจียน
อาการปวด ปวดหลัง หรือ ปวดบั้นเอว บริเวณสีข้าง (Flank Pain) ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นอาการที่เด่นชัดและแยกจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้
อาการทางปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด, ปัสสาวะบ่อย, ปวดเบ่ง (รู้สึกปวดปัสสาวะตลอดเวลา), ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นหรือมีสีขุ่น, บางรายอาจมี หนองหรือเลือดปนมากับปัสสาวะ
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัย จะทำโดยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย (มักพบอาการปวดเมื่อเคาะเบา ๆ บริเวณสีข้าง) และที่สำคัญคือ การตรวจปัสสาวะ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย เม็ดเลือดขาว และหนอง
การรักษา ต้องรีบดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันภาวะไตถูกทำลาย:
• ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics): เป็นการรักษาหลัก แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อแบคทีเรียที่พบ
o กรณีไม่รุนแรง: อาจรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องประมาณ 7-14 วัน
o กรณีรุนแรง/มีไข้สูง/อาเจียนมาก: อาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้ยาปฏิชีวนะและน้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ เพื่อลดอาการแทรกซ้อน
การป้องกัน
สามารถลดความเสี่ยงการเกิดกรวยไตอักเสบได้ โดยการป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ:
• ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ: เพื่อช่วยชะล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ
• ไม่กลั้นปัสสาวะ: ควรรีบปัสสาวะทันทีที่รู้สึกปวด
• สุขอนามัยที่ดี (ในผู้หญิง): เช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอหลังการขับถ่าย เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
• ปัสสาวะทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์: เพื่อช่วยขับแบคทีเรียออกจากท่อปัสสาวะ