ลงประกาศ ฟรีเวบบอร์ด รองรับ youtube

หมวดหมู่ทั่วไป => เครื่องจักรอุตสาหกรรม โพสฟรีงานอุตสาหกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 3 กรกฎาคม 2025, 15:17:01 น.

หัวข้อ: ศูนย์ข้อมูลโควิด-19: โรคหืด vs Covid-19 แตกต่างกันอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 3 กรกฎาคม 2025, 15:17:01 น.
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19: โรคหืด vs Covid-19 แตกต่างกันอย่างไร? (https://doctorathome.com/covid-19)

โรคหืด (Asthma) และ โควิด-19 (COVID-19) เป็นภาวะที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในแง่ของสาเหตุ ลักษณะของโรค และการดำเนินของอาการ

นี่คือข้อแตกต่างที่สำคัญ:

1. สาเหตุและธรรมชาติของโรค

โรคหืด (Asthma):

สาเหตุ: เป็นโรค การอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ซึ่งทำให้หลอดลมมีความไวผิดปกติและตอบสนองมากเกินไปต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ (เช่น สารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นควัน อากาศเย็น การออกกำลังกาย การติดเชื้อไวรัส) ส่งผลให้หลอดลมหดตัว มีเสมหะมาก และบวม ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ

ธรรมชาติของโรค: เป็นโรคที่เกิดจาก ภูมิแพ้ หรือ พันธุกรรม ไม่ใช่โรคติดเชื้อโดยตรง ไม่ติดต่อจากคนสู่คน มีลักษณะเป็นอาการกำเริบเป็นช่วงๆ และสามารถควบคุมได้ด้วยยาและการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น

โควิด-19 (COVID-19):

สาเหตุ: เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจาก เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ธรรมชาติของโรค: เป็นโรค ติดต่อ แพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านละอองฝอยและละอองลอย ผู้ป่วยจะมีการติดเชื้อไวรัสในร่างกายและแสดงอาการเมื่อไวรัสเพิ่มจำนวน


2. ลักษณะอาการหลัก

แม้จะมีอาการบางอย่างที่ทับซ้อนกัน แต่ก็มีอาการเด่นที่ช่วยแยกแยะได้:

คุณสมบัติ                                               โรคหืด (Asthma)                            โควิด-19 (COVID-19)
ไข้   ไม่ค่อยมีไข้ เว้นแต่จะมีอาการหอบหืดกำเริบร่วมกับการติดเชื้ออื่น (เช่น หวัด)    พบบ่อย มักมีไข้ หรือมีไข้ต่ำๆ (เป็นอาการที่เด่นในการแยกจากหืด)

ไอ  ไอแห้งๆ มักไอตอนกลางคืน หรือหลังออกกำลังกาย อาจไอมีเสียงหวีด             ไอแห้งๆ หรือมีเสมหะ มักไอต่อเนื่อง

หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย       เกิดจากการตีบตัวของหลอดลม มักมีเสียงหวีด (Wheezing) และแน่นหน้าอก อาจมีปัจจัยกระตุ้นชัดเจน      เกิดจากไวรัสทำลายเนื้อปอด ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง อาจมีอาการเหนื่อยง่ายแม้ทำกิจกรรมเล็กน้อย อาจไม่มีเสียงหวีด

เสียงหวีด (Wheezing)         เป็นอาการเด่นของโรคหืด เกิดจากลมผ่านหลอดลมที่ตีบแคบ          ไม่ใช่อาการเด่น อาจพบได้ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรง หรือมีโรคหืดเดิมอยู่แล้ว

แน่นหน้าอก                      รู้สึกแน่นอกเหมือนมีอะไรกดทับ                        อาจมีอาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อมีปอดอักเสบ หรืออาการรุนแรง

การรับรู้กลิ่น/รสชาติ            โดยทั่วไป ไม่เกี่ยวข้อง                                  พบบ่อย (โดยเฉพาะสายพันธุ์แรกๆ) สูญเสียการรับกลิ่นและรสชาติ

ปวดเมื่อยตัว/อ่อนเพลีย        อาจมีเมื่ออาการหอบหืดรุนแรง                          พบบ่อย มักปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก

ปวดศีรษะ                        อาจมีเมื่ออาการหอบหืดรุนแรง                          พบบ่อย

น้ำมูก/คัดจมูก                   อาจมีหากโรคหืดเกิดจากภูมิแพ้ที่เกี่ยวกับจมูก        พบบ่อย คล้ายหวัดทั่วไป

ท้องเสีย/คลื่นไส้               โดยทั่วไป ไม่เกี่ยวข้อง                                   พบบ่อยในบางสายพันธุ์ (เช่น โอมิครอน)

การตอบสนองต่อยา    อาการมักดีขึ้นเมื่อใช้ยาขยายหลอดลม หรือยาควบคุมอาการหอบหืดตามปกติ           อาการจะไม่ตอบสนองต่อยาขยายหลอดลมในโรคหืด แต่ต้องใช้ยาต้านไวรัสหรือยาอื่น ๆ ที่จำเพาะต่อโควิด-19 (ตามคำแนะนำของแพทย์) หรือยาบรรเทาตามอาการทั่วไป


ส่งออกไปยังชีต

3. ความเสี่ยงและผลกระทบ
โรคหืด: ผู้ที่เป็นโรคหืด ไม่ได้มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคหืดรุนแรงหรือไม่สามารถควบคุมอาการได้ดี อาจมีอาการรุนแรงกว่า หากติดเชื้อโควิด-19 และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเช่น ปอดอักเสบได้

โควิด-19: เป็นโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง อาจทำให้เกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน และในบางรายอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว) และอาจมีภาวะ Long COVID ตามมา

สรุปคือ:

โรคหืด เป็นภาวะเรื้อรังของหลอดลมที่เกิดจากภูมิแพ้/พันธุกรรม ไม่ใช่โรคติดเชื้อ ไม่มีไข้เป็นอาการหลัก

โควิด-19 เป็นโรคติดเชื้อไวรัส แพร่กระจายจากคนสู่คน มีไข้เป็นอาการที่พบบ่อย และสามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจได้

หากมีอาการที่คล้ายคลึงกันและไม่แน่ใจว่าเป็นโรคหืดกำเริบหรือการติดเชื้อโควิด-19 ควรปรึกษาแพทย์ และพิจารณาการตรวจคัดกรองโควิด-19 (เช่น ATK) เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม