ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อมูลโรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome)  (อ่าน 2 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1668
  • จำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรมและสินค้าอุตสาหกรรม
    • ดูรายละเอียด
ข้อมูลโรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome)
« เมื่อ: วันที่ 8 กรกฎาคม 2025, 16:36:47 น. »
ข้อมูลโรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome)

โรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) หรือ ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นภาวะความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อและฮอร์โมนที่พบบ่อยในสตรีวัยเจริญพันธุ์ โดยพบได้ประมาณ 5-10% หรืออาจสูงถึง 10-20% ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ ภาวะนี้ไม่ได้หมายความว่ามีถุงน้ำในรังไข่ที่เป็นอันตราย แต่เป็นลักษณะที่รังไข่มีฟอลลิเคิล (ถุงเล็กๆ ที่บรรจุไข่) จำนวนมากที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้การตกไข่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่เกิดขึ้นเลย


สาเหตุของโรค PCOS

สาเหตุที่แท้จริงของ PCOS ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น:

ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance): เป็นสาเหตุที่สำคัญมากในผู้ป่วย PCOS หลายคน เซลล์ในร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี ทำให้ตับอ่อนต้องผลิตอินซูลินออกมามากขึ้นเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ ระดับอินซูลินที่สูงขึ้นนี้กระตุ้นให้รังไข่ผลิตฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) มากเกินไป ซึ่งไปรบกวนการตกไข่และทำให้เกิดอาการต่างๆ ของ PCOS

ระดับฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) สูงเกินไป: รังไข่ผลิตฮอร์โมนเพศชายมากเกินปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการ เช่น ขนดก สิว และผมร่วงศีรษะล้านแบบผู้ชาย

พันธุกรรม: โรค PCOS มักพบในครอบครัวเดียวกัน หากแม่หรือพี่สาวเป็น PCOS บุตรสาวก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นโรคนี้

การอักเสบเรื้อรังระดับต่ำ (Low-grade inflammation): ผู้ป่วย PCOS บางรายอาจมีภาวะการอักเสบเรื้อรังระดับต่ำในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนและนำไปสู่ภาวะดื้ออินซูลิน

อาการของโรค PCOS
อาการของ PCOS มีความหลากหลายและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ความรุนแรงของอาการก็ต่างกันไป บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนมีอาการชัดเจนและรุนแรง อาการที่พบบ่อยได้แก่:

ประจำเดือนมาไม่ปกติ (Irregular Periods): เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด อาจมาไม่สม่ำเสมอ มาน้อยครั้ง มาห่างกันมาก (เช่น 35 วัน หรือนานกว่า) หรือประจำเดือนไม่มาเลย (Amenorrhea) เนื่องจากไม่มีการตกไข่ที่สม่ำเสมอ

อาการแสดงของภาวะฮอร์โมนเพศชายเกิน (Hyperandrogenism):

ขนดก (Hirsutism): มีขนขึ้นดกผิดปกติในบริเวณที่ผู้ชายมักมีขน เช่น ใบหน้า (เหนือริมฝีปาก, คาง), หน้าอก, หลัง, หน้าท้อง, ต้นขา

สิว (Acne): สิวขึ้นมาก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ และหลัง

ผมร่วง/ผมบาง (Androgenetic Alopecia): ผมร่วงศีรษะล้านแบบผู้ชาย คือ ผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ หรือแนวไรผมด้านหน้า

ผิวมัน (Oily Skin): ผิวหน้ามันง่าย

ภาวะมีบุตรยาก (Infertility): เนื่องจากการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่ตกไข่ ทำให้มีบุตรยาก

ถุงน้ำเล็กๆ ในรังไข่ (Polycystic Ovaries): จากการตรวจอัลตราซาวด์รังไข่จะพบว่ารังไข่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและมีถุงน้ำเล็กๆ จำนวนมาก (มากกว่า 12-20 ถุง) เรียงตัวกันอยู่บริเวณรอบนอกของรังไข่คล้ายสร้อยไข่มุก ซึ่งเกิดจากฟอลลิเคิลที่ไม่สามารถพัฒนาจนถึงขั้นตกไข่ได้

น้ำหนักเกิน/โรคอ้วน (Overweight/Obesity): ผู้ป่วย PCOS จำนวนมากมักมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน และมักพบภาวะลงพุง

รอยดำคล้ำตามข้อพับ (Acanthosis Nigricans): มีผิวหนังหนาและดำคล้ำขึ้นคล้ายกำมะหยี่บริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ หรือข้อพับต่างๆ ซึ่งเป็นสัญญาณของการดื้อต่ออินซูลิน

ภาวะทางอารมณ์: อาจมีภาวะซึมเศร้า หรือวิตกกังวลร่วมด้วย


การวินิจฉัยโรค PCOS

การวินิจฉัย PCOS อาศัยเกณฑ์การวินิจฉัย (Rotterdam criteria) โดยแพทย์จะวินิจฉัยเมื่อผู้ป่วยมีอาการเข้าข่ายอย่างน้อย 2 ใน 3 ข้อต่อไปนี้ และได้ตัดภาวะอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายกันออกไปแล้ว:

ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือไม่มีการตกไข่เรื้อรัง (Oligo- or Anovulation): สังเกตจากรอบเดือนที่ยาวนานผิดปกติ หรือไม่มีประจำเดือน

มีอาการแสดงของภาวะฮอร์โมนเพศชายเกิน (Clinical and/or Biochemical Hyperandrogenism):

อาการทางคลินิก: เช่น มีขนดก สิว ผมร่วงศีรษะล้าน

ผลเลือด: ตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ในเลือดสูงกว่าปกติ

ตรวจพบถุงน้ำเล็กๆ จำนวนมากในรังไข่จากการอัลตราซาวด์ (Polycystic Ovaries on Ultrasound): พบฟอลลิเคิลขนาด 2-9 มิลลิเมตร จำนวน 12 ถุงขึ้นไปในรังไข่ข้างใดข้างหนึ่ง หรือรังไข่มีปริมาตรมากกว่า 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร

แพทย์อาจมีการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาระดับฮอร์โมนอื่นๆ (เช่น FSH, LH, Prolactin, ไทรอยด์ฮอร์โมน) หรือตรวจค่าน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินภาวะดื้อต่ออินซูลิน

การรักษาโรค PCOS
การรักษา PCOS ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ แต่เป็นการควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เนื่องจาก PCOS เป็นกลุ่มอาการที่มีความซับซ้อน การรักษาจึงต้องปรับให้เหมาะสมกับอาการและเป้าหมายของผู้ป่วยแต่ละราย:

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Lifestyle Modification): เป็นหัวใจสำคัญของการรักษา

ควบคุมน้ำหนัก: การลดน้ำหนักเพียง 5-10% ของน้ำหนักตัวเริ่มต้น สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้มาก เช่น ประจำเดือนมาสม่ำเสมอขึ้น และการตกไข่กลับมาเป็นปกติ

ควบคุมอาหาร: เน้นอาหารที่มีประโยชน์ ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และควบคุมน้ำหนัก

การรักษาด้วยยา (Medications):

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptives): ใช้เพื่อปรับรอบประจำเดือนให้มาสม่ำเสมอ ลดระดับฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ขนดกและสิวลดลง

ยาต้านแอนโดรเจน (Anti-androgen Drugs): เช่น Spironolactone หรือ Cyproterone acetate ใช้เพื่อลดอาการขนดก สิว และผมร่วง

ยาที่ช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Sensitizers): เช่น Metformin ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาเบาหวาน แต่สามารถช่วยลดระดับอินซูลิน ลดการผลิตฮอร์โมนเพศชาย และอาจช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอขึ้นและเพิ่มโอกาสในการตกไข่

ยากระตุ้นการตกไข่ (Fertility Drugs): เช่น Clomiphene citrate, Letrozole หรือ Gonadotropins ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการมีบุตร


การผ่าตัด (Surgery):

การเจาะรังไข่ด้วยการส่องกล้อง (Laparoscopic Ovarian Drilling - LOD): เป็นการผ่าตัดเล็กโดยใช้ความร้อนหรือเลเซอร์เจาะรูเล็กๆ หลายรูที่ผิวรังไข่ เพื่อลดการผลิตฮอร์โมนเพศชายจากรังไข่และกระตุ้นการตกไข่ มักพิจารณาในผู้ป่วยที่มีบุตรยากและไม่ตอบสนองต่อยากระตุ้นการตกไข่

ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น
ผู้ป่วย PCOS มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม ได้แก่:


โรคเบาหวานชนิดที่ 2

โรคอ้วน

ภาวะไขมันในเลือดสูง

ความดันโลหิตสูง

โรคหัวใจและหลอดเลือด

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Sleep Apnea)

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial Cancer): หากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเป็นเวลานาน ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นโดยไม่มีการหลุดลอก

การได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษา PCOS ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ครับ หากสงสัยว่าตนเองมีอาการของ PCOS ควรรีบปรึกษาแพทย์สูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม